ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (10-14 ม.ค.65) ไว้ที่ 33.20-34.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน การส่งออกเดือนธ.ค.ของจีน และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ของยุโรป ด้วยเช่นกัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทผันผวนโดยแข็งค่าในช่วงแรก ก่อนจะพลิกแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 2 สัปดาห์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงวันทำการแรกๆ ของปีสอดคล้องกับสัญญาณเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะแรงซื้อสุทธิในพันธบัตรระยะสั้นและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่สะท้อนผ่านรายงานการประชุมเฟด ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดมีการหารือเรื่องการบริหารจัดการระดับงบดุล ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่เฟดทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังยุติมาตรการ QE ในปีนี้ เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.65) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.67 บาท/ดอลลาร์ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 33.74 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.41 บาท/ดอลลาร์ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (30 ธ.ค.64)