วันที่ 28 พ.ย.64 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ได้ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
ขอไว้อาลัยกับ ประชาธิปไตยเงินสด วันนี้ 28/11/64 เป็นการเลือกตั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในตำแหน่ง นายก อบต.และส.อบต.ทั่วประเทศสำหรับการเลือกตั้งนี้ ไม่มีคืนหมาหอนอีกแล้ว เพราะการซื้อเสียงได้มีการซื้อกันก่อนคืนสุดท้าย ก่อนการลงคะแนนไปแล้ว อย่างเปิดเผยไม่ต่างอะไรกับการซื้อของในตลาดนัด ผู้สมัครแต่ละคนจะมีหัวคะแนน เดินจดรายชื่อ และจ่ายเงินกันอย่างเปิดเผย เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ซึ่งต่างกับยุคก่อนการซื้อเสียงต้องทำกันแบบลับๆ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ว่าใครซื้อเสียงให้ใคร จำนวนเงินเท่าไหร่ แต่ยุคนี้เปิดเผยตัวตนชัดเจนว่าใคร คือหัวคะแนนของใคร จ่ายเงินซื้อเสียงคนละเท่าไหร่ และมีการเกทับกัน ช่วงชิงการได้เปรียบเสียเปรียบ ระหว่างการซื้อเสียงคนซื้อก่อนจะเสียเปรียบคนซื้อเสียงหลัง เพราะคนซื้อหลังจะ เพิ่มเงินให้สูงกว่าคนซื้อครั้งแรก มีบางคนบางครอบครัวรับเงินจากการซื้อเสียงของผู้สมัครทุกเบอร์ จึงทำให้เป็นวัฒนธรรมการเมืองไปแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ไม่มียุคใดสมัยใด ที่มีการซื้อเสียงกันอย่างเปิดเผย และแพร่หลายมากเท่ากับยุคนี้ และผู้ที่รับผิดชอบการเลือกตั้งคือคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่สามารถควบคุม จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้กันหมด แต่ กกต.ไม่ได้รับรู้ข่าวการซื้อเสียงเลย จึงทำให้คนซื้อเสียงรู้สึกย่ามใจ ขอให้เอาชนะไว้ก่อนถ้าถูกจับได้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ค่อยวิ่งเต้นในภายหลัง ดีกว่าแพ้การเลือกตั้ง จะไม่มีโอกาสจะวิ่งเต้นหรือแก้ตัวอะไรเลย การลงทุนเลือกตั้งในระดับ อบต.มีการใช้เงิน 7- 10 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนเงินเดือนทั้ง4ปี แค่ 1ล้านกว่าบาท ไม่คุ้มค่าเลย จึงทำให้มีคำถามว่านักการเมืองเหล่านี้ ลงทุนด้วยจำนวนเงินหลายล้านบาทไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ไปเข้าไปหาผลประโยชน์ จากงบประมาณในการบริหารจัดการท้องถิ่น ที่ตนเป็นผู้บริหารอยู่ อยากให้รัฐบาล กกต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หามาตรการป้องกันแก้ไข และปลูกฝังค่านิยม เรื่องการซื้อเสียงให้จริงจัง มิฉนั้นการซื้อเสียงจะเป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นความชอบธรรมในการเลือกตั้ง ทำให้คนดีที่ไม่มีเงินทุน ไม่สามารถเข้าเป็นผู้บริหารได้ ถ้าไม่มีเงินทุนมากเพียงพอ ก็อย่าหวังจะได้รับเลือกตั้ง “ขอไว้อาลัยกับระบอบประชาธิปไตยเงินสด”ในยุคนี้