คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ไม่น่าเชื่อที่แม้ว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีสมาชิกในค่ายพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่หลงเชื่อว่าเขาถูกโกงการเลือกตั้ง ในครั้งนั้นประธานาธิบดีทรัมป์เพียรพยายามพลิกโผผลการเลือกตั้งด้วยการสรรหาคณะทนายความหลายๆชุดมาต่อสู้ก็ตาม แต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลกว่าห้าสิบแห่ง รวมทั้งการฟ้องต่อศาลสูงสุดอีกสองคดี มีผลทำให้การฟ้องร้องของเขาต้องพบกับความล้มเหลวทุกๆคดี!!! และจากการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2021 ว่าค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีล้วนแล้วมาจากเงินภาษีของคนอเมริกันมากกว่า 519 ล้านเหรียญ และยังได้มาจากผู้ให้การสนับสนุนอีกแปดล้านเหรียญ แต่เม็ดเงินที่ใช้ทุ่มไปนั้นเหมือนดั่งเอาไปทิ้งถมทะเลโดยเปล่าประโยชน์ แต่หากจะมองในทางกลับกันนับว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นนักการเมืองที่หนังเหนียวสู้หัวชนฝาไม่ยอมยกธงขาวง่ายๆ ที่รวมไปถึงคดีที่โยงใยข้องเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว เขาก็ไม่ยอมแพ้ด้วยการใช้มือของทนายความชั้นเซียนขั้นเทพมาต่อสู้คดี โดยที่ผ่านมาผู้ที่เคยเป็นลูกสมุนทางการเมืองหลายๆคนต้องเดินคอตกเข้าซังเตไปตามๆกัน!!! ที่ผ่านมาจะเห็นว่า “รูดี จิวเลียนี” ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทุ่มสุดตัวเททั้งแรงกายแรงใจช่วยเหลือต่อสู้คดีให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ผู้เป็นนาย ก็ต้องพบกับจุดจบโศกนาฏกรรมด้วยการถูกยึดใบอนุญาตว่าความทั้งในรัฐนิวยอร์กและในกรุงวอชิงตัน ดี. เนื่องจากเขาเสนอข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยมีผลทำให้ขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์และรูดีหมางเมินห่างเหินต่อกัน เข้าทำนองเดียวกันกับไมเคิล โคเฮน ซึ่งอดีตเคยเป็นทนายความส่วนตัวคนแรก แต่ตอนนี้ผันตัวเป็นศัตรูคู่อริต่อกันเสียแล้ว!!! เมื่อสี่เดือนก่อนหน้านี้นักการเมืองค่ายพรรครีพับลิกันต่างลงความคิดเห็นร่วมกันอย่างมั่นใจสุดๆว่า หากประธาธิบดีทรัมป์ลงแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่สองคงได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะเหตุใดที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร่างซาจากอิทธิพลที่เคยครอบครองอยู่ในมือ!!! หากย้อนกลับไปวิเคราะห์กันในเดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะเห็นได้ว่า ครั้งนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่พร้อมเนื่องจากเขาประสบความอ่อนล้าไปทั่วทั้งตัวของเขาเองแถมยังโดนโรคโควิด-19 เล่นงาน อีกทั้งพันธมิตรผู้ให้การสนับสนุนทางการเมืองหลายๆคนต่างก็ประสบกับปัญหารุมเร้าอีกด้วย จินตนาการในหัวของประธานาธิบดีทรัมป์ที่คิดไปว่า วันที่ 6 มกราคม 2021 เขาสามารถจะกลับเข้าไปครองตำแหน่งได้อีกครั้งด้วยการให้ฝูงชนผู้ชื่นชอบคลั่งไคล้ตัวเขาก่อการจลาจลบุกเข้าไปในรัฐสภาขณะที่เหล่าบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสกำลังประชุมเพื่อรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนให้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป โดยการจลาจลครั้งนั้นทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายสมาชิกสภาคองเกรสต้องหลบซ่อนตัวเองเพื่อความปลอดภัย เพราะผู้ก่อการจลาจลเหี้ยนกระหือรือประกาศตะโกนขู่จะเอาชีวิต “รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์” และ “ประธานสภาแนนซี เพโลซี” อนึ่งผู้ที่ถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจลจนถึงบัดนี้มีทั้งหมด 650 ราย และเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2021 ที่เพิ่งผ่านมา หนึ่งในจำนวนของผู้ก่อการจลาจลนั่นก็คือ จ็อบ แซนสลีย์ ได้ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 41 เดือน ในคดีอาญาฐานขัดขวางการดำเนินการของทางการ เขาผู้นี้ได้กลายเป็นข่าวดังเกรียวกราวในบรรดาสื่อต่างๆเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่เขาเปลือยกายท่อนบนสวมหมวกขนสัตว์มีเขา ทาสีบนใบหน้า ในมือถือเสาธงสูงหกฟุตที่ปลายยอดมีหอก อ้าปากส่งเสียงกระทำประหนึ่งว่าเป็นสัตว์ป่ากำลังเห่าหอน ทั้งนี้จ็อบ แซนสลีย์ เปิดปากสารภาพต่อผู้พิพากษายอมรับว่า “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบต่อการกระทำ และไม่มีข้อแก้ตัวใดๆต่อพฤติกรรมการกระทำดังกล่าว” แต่อย่างไรก็ตามผู้พิพากษาได้กล่าวกับจ็อบ แซนสลีย์ว่า “สิ่งที่คุณกระทำในวันนั้นแย่มากๆ เพราะคุณทำเหมือนดั่งว่าเป็นผู้นำฝูงชนเข้าไปก่อการจลาจล” ทั้งนี้ครอบครัวของ จ็อบ แซนสลีย์ และบรรดาผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ต่างไม่เห็นด้วยในการที่เขาเอ่ยปากสารภาพผิด เพราะพวกเขาต่างคิดกันว่า เมื่อใดก็ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการรับรองให้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สองแล้ว จ็อบ แซนสลีย์ ก็จะได้รับอภัยโทษ!!! และแทบจะไม่น่าเชื่อเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมานี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า จะลงแข่งขันเลือกตั้งในอีกสามปีข้างหน้า ทั้งๆที่นางรอนนา แมคแดเนียล ประธานคณะกรรมการของค่ายพรรครีพับลิกันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้แต่งตั้งเธอ ขณะนี้ได้แสดงอาการหมางเมินออกมาให้การยอมรับผลการเลือกตั้งว่าโจ ไบเดน คือผู้ชนะการเลือกตั้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธหัวชนฝาตลอดมา จะเห็นได้ค่อนข้างเด่นชัดว่า รอนนา แมคแดเนียล เป็นนักการเมืองที่เป็นลูกไม้หล่นใกล้ๆไม่ห่างไกลไปจากต้น เพราะคุณปู่ของเธอก็คือ “จอร์จ รอมนีย์” อดีตประธานบริษัทเจเนรัล มอเตอร์ส และยังเป็นอดีตผู้ว่าฯรัฐมิชิแกน ต่อมาเขาตัดสินใจลงเลือกตั้งตำแหน่งประธาธิบดีแข่งขันกับอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แต่ถอนตัวกลางคันและได้รับรางวัลตอนแทนด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีเคหะฯ อีกทั้งเธอยังเป็นหลานสาวของ“วุฒิสมาชิกมิตต์ รอมนีย์” ไม้เบื่อไม้เมาของประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021เป็นต้นมา อาวุธสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ทางโลกโซเชียลต่างๆไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ก็ได้หดหายจากการเป็นกระบอกเสียงของเขารวมถึงโซเชียลมีเดียที่เขาสร้างขึ้นมาก็กลับหดหายไปในช่วงสั้นๆเช่นกัน และการที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามประกาศตัวแสดงตนเป็นศัตรูกับ “วุฒิสมาชิกมิตช์ แมคคอนเนลล์”ผู้นำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ที่ในอดีตเคยเป็นพันธมิตรที่ดีกับเขามาโดยตลอดนั้น ก็มิใช่เรื่องดีมีประโยชน์ต่อเขาแต่อย่างใดเลย และจากการหยั่งเสียงมืออาชีพของ “คาร์เตอร์ เรนน์” สังกัดและทำงานให้กับพรรครีพับลิกันได้ตีพิมพ์บทความลงในหนังสือพิมพ์นิวส์วีค วันที่ 29 กันยายน 2021 นี้ว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลดลงไปจากเดือนกรกฎาคมถึง 20% ที่เขาเคยมีคะแนนนิยมนำเหนือผู้ว่าฯรอน เดอแซนติส แห่งรัฐฟลอริดา 46% ต่อ 13% ซึ่งเป็นที่คาดการณ์กันว่า ผู้ว่าฯท่านนี้จะเข้าไปเป็นผู้ท้าชิงตัวแทนของพรรคกับประธานาธิบดีทรัมป์ ล่าสุดปรากฏว่าคะแนนของประธานาธิบดีทรัมป์นำเหนือผู้ว่าฯรอน เดอแซนติส แบบสูสีคู่คี่กันด้วยคะแนน 26.2% ต่อ 25.2% และเมื่อไม่นานนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ออกมาเสนอมอบตำแหน่งรองประธานาธิบดีให้แก่ผู้ว่าฯรอน เดอแซนติส แต่ก็มิได้รับเสียงตอบรับกลับมาจากท่านผู้ว่าฯพบแต่ความเงียบงัน ล่าสุดนี้สภาผู้แทนฯได้ลงมติออกคำสั่งให้จับสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักกลยุทธ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่กล่าวคำดูหมิ่นสภาคองเกรสท้าทายหมายเรียกจากคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ก่อการจลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และนอกจากนั้นขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังต้องเผชิญกับคดีแพ่งและคดีอาญาอีกถึง 29 คดี โดยเฉพาะคดีอาญาที่รัฐนิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. และที่รัฐจอร์เจียร์ล้วนแล้วแต่เป็นคดีร้ายแรงแบบสุดๆ กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นดูเหมือนว่าอนาคตทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ค่อนข้างมืดมนไม่แจ่มใส แถมนักการเมืองในพรรครีพับลิกันหลายๆคนที่เคยกลัวหัวหด แต่ตอนนี้กลับกล้าหาญออกมาประกาศจะลงท้าชิงการเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน เห็นได้ค่อนข้างเด่นชัดเลยว่าขณะนี้ภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์เสียหายยับเยินกลายเป็นสินค้าชำรุดค้างสต๊อก จนไม่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมขายใหม่ได้ เหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่า ของเก่าไป ของใหม่มา ละครับ