“สตีเวน เจอร์ราร์ด” ยอดตำนานมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล ได้เดินทางกลับมาสู่พรีเมียร์ ลีกอีกครั้ง หลังคุมทีม “เรนเจอร์ส”ในสกอตแลนด์ พร้อมนำทีมก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยได้รับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมแอสตันวิลลา แทน “ดีน สมิธ” อดีตกัปตันทีมหงส์แดงเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่งในถิ่นวิลลา ปาร์ค และเชื่อว่า ทุกสายตา ต่างจับจ้องไปที่การนำทีมใหม่ บุกไปเยือนถิ่นเก่า “แอนฟิลด์” สโมสรที่ปลุกปั้นให้เป็นสตาร์ระดับโลกอย่างแน่นอน สำหรับเจอร์ราร์ด จะประเดิมงานคุมทีมวิลล่า โดยการนำทัพเปิดบ้านรับทีมฟอร์มร้อนแรงอย่าง ไบรท์ตัน ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดย “เจอร์ราร์ด” กล่าวว่า "ผมมีโอกาสคุยกับบอร์ดสโมสร ได้รับทราบแผนงาน ตอนนี้ ผมกำลังมองไปถึงการทำให้สโมสรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้" ต้องยอมรับว่า ตลอด 18 ปี ในอาชีพการเป็นนักฟุตบอลของ “เจอร์ราร์ด” ไม่เพียงแค่สร้างความสุขให้กับแฟนฟุตบอลทั่วโลก แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมาย ให้กับนักฟุตบอลเยาวชนรุ่นหลัง โดยเกียรติประวัติ ของ “ยอดอดีตกัปตันทีมหงส์แดง” ลงเล่นทั้งหมด 695 เกม ทำได้ 180 ประตู (504 เกม 120 ประตู ในลีก) พร้อมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย (ฤดูกาล 2000–01, 2005–06) ลีก คัพ 3 สมัย (2000–01,2002–03, 2011–12) คอมมูนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย (2006) ยูฟ่า คัพ 1 สมัย (2000–01) ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย (2001) และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย (2004–05) กับลิเวอร์พูล (ระหว่างปี 1998–2015), 114 เกม 21 ประตู กับทีมชาติอังกฤษ (2000–2014), 34 เกม 5 ประตู กับแอลเอ กาแล็คซี (2015–2016) แม้“เจอร์ราร์ด”จะไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดตลอดอาชีพกับทั้ง “หงส์แดง” หากจะว่าไปแล้ว นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ว่า บางครั้งนักเตะผู้ยิ่งใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องคว้าแชมป์มากมายมาประดับบารมี เพราะด้วยความจงรักภักดี ความมุ่งมั่น และพรสวรรค์ในเชิงลูกหนัง เป็นสิ่งที่นำพา “เจอร์ราร์ด” ก้าวมาสู่จุดที่เขาเป็นทุกวันนี้ ซึ่งบทบาทผู้นำของ “เจอร์ราร์ด” ในทีม “หงส์แดง”เริ่มขึ้นเมื่ออายุได้ 22 ปี โดย “เชราร์ อุลลิเยร์”กุนซือในขณะนั้นเป็นผู้มอบโอกาสให้และสามารถคว้าปลอกแขนเป็นกัปตันทีม “ลิเวอร์พูล” มาครอบครอง แทนที่ “ซามี ฮูเปีย” และเป็นที่รักของทุกคนในทีม นอกจากจะเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล แล้ว “เจอร์ราร์ด” ยังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ โดยเขาลงเล่นให้กับทีม “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ในวันที่ 31 พ.ค.2000 ซึ่งเป็นเกมที่ อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ “เควิน คีแกน” พบกับ “ยูเครน”ก่อนถูกเรียกติดทีมอังกฤษ ชุดลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 ที่ประเทศเบลเยี่ยม และ ฮอลแลนด์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่อาจยึดตำแหน่งตัวจริงได้ การกลับมาบนเส้นทางยอดหญ้าของ “เจอร์ราร์ด” ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นการคุมทีม ในระดับพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก และถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถอีกครั้ง ว่า จะประสบความสำเร็จเหมือนเช่น การเป็นยอดนักเตะในนามหงส์แดง ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่า “กองเชียร์” ของ “หงส์แดง” ส่วนหนึ่ง ต้องแบ่งใจช่วยเชียร์วิลลา อีกทีมหนึ่งอย่างแน่นอน