วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นางสาว ปนัสยา สิทธิจิราวัฒนกุล หรือ "รุ้ง" และ นายเสกสิทธิ์ แย้ม สงวน พร้อมทนาย ได้เข้ายื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรภาพการชุมนุม พร้อมทั้งยื่นขอไต่สวนฉุกเฉิน ขอคุ้มครองชั่วคราว "ม็อบ 31 ตุลาคม"
โดน นางสาว ปนัสยา กล่าวว่า วันนี้มาขอให้ศาลรับคำร้องและขออนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อออกคำสั่งคุ้มครอง ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ที่จะมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ วันนี้มาฟ้องพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาและ พลเอกเฉลิมพงษ์ เพราะเราต้องการจะรับฟังเหตุผลของเราในฐานะประชาชน พี่จะออกมาใช้สิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางการเมือง แต่ว่าตลอดมานั้น เราประกาศจะชุมนุม อย่างสงบสันติ ในทุกๆครั้งจะมีการขัดขวางอยู่เสมอ โดยการขัดขวางไม่ได้ถูกรับรองโดยทางกฎหมาย เช่นการใช้ลวดหนาม การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการบัญญัติไว้ในสิ่งของที่ใช้ได้ในพรก.ฉุกเฉิน ในเมื่ออีก 3 วันจะมีการเปิดประเทศแล้วทำไมถึงยังมีการห้ามการชุมนุม เพราะการเปิดประเทศแล้วจะมีการรวมตัวกันทั้งประเทศ โดยที่คนทั่วไปออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ เราจึงคิดว่าพรก.ฉุกเฉินไม่มีเหตุจำเป็นอีกต่อไป วันนี้เราคาดหวังจริงๆว่ากระบวนการยุติธรรม จะเป็นการยุติธรรมกับประชาชนจริงๆ
เมื่อถามว่าอีกไม่กี่วันจะมีการเปิดประเทศทำไมถึงไม่รอให้รัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน นายนายเสกสิทธิ์ กล่าวว่า การเพิกถอน พรก.ฉุกเฉินผลไม่เท่ากับการยกเลิก การยกเลิกมีผลทางกฎหมาย ของคดีต่างๆแต่ยังคงมีอยู่ ถ้าเกิดขอเพิกถอน ว่าข้อกำหนดนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น จะทำให้คดีถูกเพิกถอนไป
เมื่อถามว่า มีประชาชนบางส่วนมองว่าการออกมาชุมนุมจะเป็นการแพร่ระบาดของโรค covid-19 นั้น น.ส.ปนัสยา ตอบว่า เราขอยืนยันว่าในทุกๆครั้งที่มีการชุมนุมไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าการขอให้คุ้มครองครั้งนี้จะเป็นของเฉพาะกลุ่มราษฎรใช่หรือไม่ น.ส.ปนัสยา ตอบว่า เราหวังว่าจะคุ้มครองทั้งหมด คุ้มครองการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะตั้งแต่มีการชุมนุมมาเป็นการชุมนุมตามประชาธิปไตย ถูกขัดขวางด้วยสิ่งนี้เสมอมาด้วยพรกฉุกเฉินเสมอมาแต่กับอีกฝั่งหนึ่งอย่างกลุ่มรักสถาบัน ไม่เคยโดนห้าม ไม่เคยมีตำรวจมาประกาศให้ออกจากพื้นที่และยุติการชุมนุมเลย เป็นความเหลื่อมล้ำมาตั้งแต่แรก
เมื่อถามว่าวัตถุประสงค์ในการชุมนุมวันที่ 31 ตุลาคมที่สี่แยกราชประสงค์คืออะไรน.ส.ปนัสยา ตอบว่าในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ประเด็นหลักอยู่ที่การยกเลิก ม.112 อาจจะเป็นการล่ารายชื่อ เพื่อยกเลิกมาตรา 112 และกฎหมายหมิ่น สถาบันทางระบบ ในการยกเลิก ม.112 นั้น เพราะมาตรานี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากผู้ที่ต้องการก็จะวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็สามารถโดน ม.112ได้ทั้งหมด หากพูดหรือโพสต์อะไรถึงจะไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้ามีคนมองว่าเกี่ยวข้องก็สามารถโดนมาตรานี้ได้ ก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่ากฎหมายนี้ ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองล้วนๆ ทำให้อำนาจของประชาชนในการผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันไม่สามารถทำได้ด้วย เราจึงคิดว่าการยกเลิกมาตรานี้คือสิ่งที่ดีที่สุด ในการคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน
เมื่อถามว่าอีกไม่กี่วันจะมีการเปิดประเทศทำไมถึงไม่รอให้รัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน นายนายเสกสิทธิ์ กล่าวว่า การเพิกถอน พรก.ฉุกเฉินผลไม่เท่ากับการยกเลิก การยกเลิกมีผลทางกฎหมาย ของคดีต่างๆแต่ยังคงมีอยู่ ถ้าเกิดขอเพิกถอน ว่าข้อกำหนดนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น จะทำให้คดีถูกเพิกถอนไป
เมื่อถามว่า มีประชาชนบางส่วนมองว่าการออกมาชุมนุมจะเป็นการแพร่ระบาดของโรค covid-19 นั้น น.ส.ปนัสยา ตอบว่า เราขอยืนยันว่าในทุกๆครั้งที่มีการชุมนุมไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าการขอให้คุ้มครองครั้งนี้จะเป็นของเฉพาะกลุ่มราษฎรใช่หรือไม่ น.ส.ปนัสยา ตอบว่า เราหวังว่าจะคุ้มครองทั้งหมด คุ้มครองการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะตั้งแต่มีการชุมนุมมาเป็นการชุมนุมตามประชาธิปไตย ถูกขัดขวางด้วยสิ่งนี้เสมอมาด้วยพรกฉุกเฉินเสมอมาแต่กับอีกฝั่งหนึ่งอย่างกลุ่มรักสถาบัน ไม่เคยโดนห้าม ไม่เคยมีตำรวจมาประกาศให้ออกจากพื้นที่และยุติการชุมนุมเลย เป็นความเหลื่อมล้ำมาตั้งแต่แรก
เมื่อถามว่าวัตถุประสงค์ในการชุมนุมวันที่ 31 ตุลาคมที่สี่แยกราชประสงค์คืออะไรน.ส.ปนัสยา ตอบว่าในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ประเด็นหลักอยู่ที่การยกเลิก ม.112 อาจจะเป็นการล่ารายชื่อ เพื่อยกเลิกมาตรา 112 และกฎหมายหมิ่น สถาบันทางระบบ ในการยกเลิก ม.112 นั้น เพราะมาตรานี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากผู้ที่ต้องการก็จะวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็สามารถโดน ม.112ได้ทั้งหมด หากพูดหรือโพสต์อะไรถึงจะไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้ามีคนมองว่าเกี่ยวข้องก็สามารถโดนมาตรานี้ได้ ก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่ากฎหมายนี้ ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองล้วนๆ ทำให้อำนาจของประชาชนในการผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันไม่สามารถทำได้ด้วย เราจึงคิดว่าการยกเลิกมาตรานี้คือสิ่งที่ดีที่สุด ในการคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน