เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงผลงาน 2 ปี ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า วันนี้จะแถลงผลงานของนายจุรินทร์ ในภารกิจ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินหน้าภารกิจกระทรวงพาณิชย์ปีที่ 3 โดยมีผลงานเด่นสรุปในรอบ 2 ปีได้ทั้งหมด 27 ผลงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานที่มุ่งช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชน ภาคธุรกิจ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยทั้ง 27 ผลงาน ได้แก่ 1.ประกันรายได้เกษตรกร พืชหลัก 5 ชนิด ช่วยเหลือเกษตรกรทั้งสิ้น 7.8 ล้านครัวเรือน แยกเป็นข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน ยางพารา 1.83 ล้านครัวเรือน มันสำปะหลัง 0.52 ล้านครัวเรือนปาล์มน้ำมัน 0.37 ล้านครัวเรือน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 0.45 ล้านครัวเรือน 2.ผลไม้ราคาดี ช่วยชาวสวนได้ 6.54 แสนครัวเรือน 3.ตั้ง กรอ.พาณิชย์ โดยเอกชนเป็นทัพหน้า พาณิชย์เสริมทัพ ซึ่งได้ช่วยแก้ไขปัญหาส่งออก เช่น โลจิสติกส์ ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ผลักดันเปิดด่าน และผลักดันส่งออกเป็นรายสินค้าเช่น ข้าว 4.สร้างเซลล์แมนประเทศ เซลล์แมนจังหวัด เพื่อช่วยขายสินค้า 5.เปิดด่านชายแดน ซึ่งปัจจุบันเปิดได้ 46 ด่านจาก 97 ด่าน 6.เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำแดชบอร์ดสินค้าเกษตร ผลักดันขายผ่านแพลตฟอร์มกลาง ทั้งในและต่างประเทศ 7.เคาน์เตอร์เทรด ช่วยเกษตรกรหาตลาด แลกเปลี่ยนสินค้า สร้างมูลค่าการค้า 2 ปี 6,600 ล้านบาท 8.อาหารไทย อาหารโลก เร่งรัดผลักดันการส่งออกอาหาร แก้ไขอุปสรรค และช่วยเจรจาธุรกิจ 2 ปี 4,043 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 55,367.46 ล้านบาท 9.ผลักดันการลงนาม RCEP 15 ประเทศสำเร็จ หลังมีความพยายามมานานถึง 7 ปี ทำให้ได้รับการยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที 29,891 รายการ คาดว่าเริ่มใช้บังคับม.ค.2565 10.บุกตลาดเมืองรองด้วย Mini FTA ทำสำเร็จแล้ว 2 แห่ง MOU กับไห่หนาน (จีน) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี MOU กับโคฟุ (ญี่ปุ่น) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ต่ำกว่า 15,500 ล้านบาท และจะทำเพิ่มอีก 3 แห่งคือ กานชู (จีน) เตลังคานา (อินเดีย) และคยองกี (เกาหลีใต้) 11.ผลักดันส่งออกฝ่าวิกฤต นำทีมเอกชนเซ็น MOU ขายสินค้าทั่วโลก โดยมีการลงนาม MOU จับคู่ธุรกิจ 231 คู่ ทำมูลค่าส่งออก 2 ปี 94,822.17 ล้านบาท ส่งมอบแล้ว 60% ส่งเสริมการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com มูลค่าการสั่งซื้อรวม 2,322 ล้านบาท สร้างมูลค่าจากงานแสดงสินค้าและคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศ ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมกว่า 13,138 ราย มูลค่าการสั่งซื้อกว่า 161,756 ล้านบาท 12.ส่งเสริมการค้ารูปแบบใหม่ สู่ New Normal โดยปรับรูปแบบงานแสดงสินค้าเป็นออนไลน์และออฟไลน์รูปแบบไฮบริด Mirror Mirror และจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ 13.พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ทำแล้ว 12 Lot เริ่มตั้งแต่ 16 เม.ย.2563 ถึง 31 ก.ค.2564 ลดภาระค่าครองชีพกว่า 4,300 ล้านบาท 14.จัดรถเร่ขายสินค้าจำเป็นใน 7 จังหวัดที่ล็อกดาวน์รอบแรก และจัดรถโมบายขายสินค้าทั่วประเทศช่วงล็อกดาวน์ระลอก 3 ลดค่าครองชีพได้ 85 ล้านบาท 15.จับคู่กู้เงิน ช่วยหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษให้ร้านอาหารและ SMEs ส่งออก ช่วยให้กู้ได้ 4,512 ล้านบาท 16.ช่วย SMEs และ Micro SMEs พัฒนาศักยภาพและการตลาด ผ่านเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club 12,873 ราย สำหรับต่างประเทศ พัฒนาศักยภาพ กิจกรรมการตลาด และรับคำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ 73,230 ราย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกให้ SMEs ในสัดส่วน 10-15% 17.ช่วยซาเล้ง ยกระดับราคาเศษกระดาษ ผลักดันให้ราคาเพิ่มจากกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท เป็นกก.ละ 9 บาท ช่วยได้ 1.5 ล้านครัวเรือน 18.ผลักดันโชว์ห่วยเป็นสร้างสมาร์ทโชวห่วย 34,572 ร้านค้า โดยช่วยปรับปรุงร้านค้า ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย 19.สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ โดยมีแฟรนไชส์ไทย 597 ธุรกิจ วางเป้า 1 ปี สร้างอาชีพจากธุรกิจแฟรนไชส์ 10,000 ราย มูลค่าการตลาด 4,600 ล้านบาท 20.อบรมสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ ได้ 84,283 ราย 21.ปั้น CEO Gen Z แล้ว 20,674 ราย 22.เช็คราคายา-ค่าบริการโรงพยาบาลเอกชนผ่านระบบ QR Code เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนทราบก่อนการรักษา 23.MOC Online One Stop Service เปิดให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ด้วยระบบออนไลน์ 85 บริการ 24.ดันทุกจังหวัดมีสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้ชุมชนครบ 77 จังหวัด และมีสินค้า GI ของไทยขึ้นทะเบียนแล้ว 152 รายการ สร้างมูลค่าในประเทศกว่า 39,000 ล้านบาท 25.พัฒนาส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยโดยใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตร และลดระยะเวลาการจดทะเบียน 26.สร้างฮับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ภาพยนตร์ โดยสร้างมูลค่าแล้ว 8,852 ล้านบาท และ 27.ส่งเสริมศิลปาชีพของคนไทย โดยเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)” เป็น “สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)” ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าติดตามภารกิจทั้งหมด และให้รายงานความคืบหน้าทุก 2 สัปดาห์ รวมทั้งได้เตรียมนโยบายที่จะเดินหน้าภารกิจปีที่ 3 ต่อไป โดยยึดหลัก “ทำได้ไว ทำได้จริง” เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ภาคธุรกิจ และประเทศต่อไป