วันนี้ (28 ต.ค.64) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาด 1 ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.ภ.8 ปรก./ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ได้แถลงผลการจับกุม นายทวีชัย หรือ ห้อย มั่นศักดิ์ อายุ 39 ปี ชาว จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้า 740,000 เม็ด โดยจับกุมได้ที่ ภายใน ซ.7/1ก หมู่บ้าน ช รุ่งเรือง 6 หมู่ 3 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ต่อเนื่องในป่าหน้าวัดไผ่เหลือง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่าตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า นายทวีชัย มีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้าภายในชุมชนวัดไผ่เหลือง และบริเวณใกล้เคียง และจะนำยาบ้ามาเก็บซุกซ่อนไว้ในหมู่บ้าน ช รุ่งเรือง 6 จึงเข้าดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งจากการสอบปากคำ นายทวีชัย ให้การยอมรับว่า ได้นำยาบ้าไปเก็บซุกซ่อนไว้ และ ได้พาตำรวจไปตรวจสอบจุดที่เก็บซุกซ่อนยาบ้า พบถุงพลาสติก สีดำวางอยู่ข้างกำแพงรั้วจุดเกิดเหตุ และเปิดดู พบว่าเป็นยาบ้ารวมอยู่ด้วยกันในถุงพลาสติกสีดำ และจากการขยายผลยังมียาบ้าเก็บซุกซ่อนไว้ในป่าหน้าวัดไผ่เหลืองอีกจำนวนมาก เมื่อไปตรวจสอบพบถังพลาสติกสีน้ำเงินจำนวน 2 ใบ และถังพลาสติกสีดำจำนวน 1 ใบ ปิดฝาอยู่ในหลุมใต้ต้นไม้ในป่าหน้าวัดไผ่เหลืองตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้าจำนวน 740,000 เม็ด จึงได้ยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด ด้าน นายทวีชัย ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าที่ตรวจพบนั้นเป็นของตนจริง ส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในเขตคลองเตย กรุงเทพฯ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวอีกว่า คดีต่อมา ทางตำรวจได้จับกุมนายเชาว์ หรือ เชา มาขุนทด อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 952/2550 ลงวันที่ 2 กันยายน 2550 ในข้อหา “ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันซ่อนเร่น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ ม.5 ต.เสือหึง อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า เมื่อปี 50 ในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด เกิดเหตุสะเทือนขวัญ หลังมีคนร้าย 6 คนวางแผนปล้นพระเครื่องมูลค่าสูง ของ นายธีระศักดิ์ ธีระชิต พี่ชาย และนางรัชนี ธีระชิต มารดา ของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองจังหวัดอุดรธานีในขณะนั้น โดยทำทีเป็นขอเช่าพระเครื่องในราคา 8 ล้านบาท ก่อนที่หนึ่งในผู้ก่อเหตุจะใช้ฆ้อนทุบศีรษะนายธีระศักดิ์จนตายและเตรียมนำศพขึ้นรถตู้ไปเพื่ออำพรางศพ แต่นางรัชนี มารดาเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ถูกกลุ่มคนร้ายสังหารเพิ่มอีก 1 ราย ก่อนที่จะนำร่างทั้งสองคนขึ้นรถตู้ไปเผาที่ จ.ชัยภูมิ จากนั้นตำรวจได้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมคนร้ายได้ 4 คน คือ นายธานี ซ่อนกลิ่น, นายสันติ จำนงผล, นายบุญส่ง สิงห์ครอง ,นายประวิตร เกตุสกุล ส่วน น.ส.นุสรา ก้อนเจริญ หนึ่งในผู้ต้องหาได้เสียชีวิตแล้วเมื่อปี 62 เหลือเพียงนายเชาผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ยังหลบหนี กระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งหนีการจับกุมกว่า 14 ปี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน ทางตำรวจลงพื้นที่ติดตามคนร้ายมาอย่างต่อเนื่องโดยหลังก่อเหตุ คนร้ายระวังตัวเป็นอย่างมาก มีการเปลี่ยนชื่อ ใช้แต่บัตรของน้องชายในการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และมีภรรยาใหม่ ก่อนจะไปใช้ชีวิตอยู่ในสวนยาง กระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด รวมระยะเวลาหลบหนีกว่า 14 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าสองแม่ลูกจริง โดยใช้ฆ้อนตอกตะปูทุบศีรษะ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาและนำตัวส่ง สภ.ปากเกร็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป