วันที่ 27 ต.ค.64 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร โดยนายจารึก ศรีอ่อน รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายบัญญัติ เจตนจันทร์ เลขานุการคณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่รับฟังและผลักดันสร้างแนวกั้นช้างหนีออกนอกเขตอนุรักษ์ในจังหวัดสระแก้ว โดยมีนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดสระแก้ว ให้การต้อนรับและนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาช้างป่าของจังหวัด ณ ห้องประชุมบูรพา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว        โดยนายจารึก กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ป่าเขาตะกรุบ ป่าเขาฉกรรจ์เพื่อรับฟังปัญหาจากส่วนราชการและประชาชนเพิ่มเติม พบว่าจังหวัดสระแก้ว มีช้างป่าที่ออกนอกเขตอนุรักษ์ทั้งในพื้นที่ติดกับป่ารอยต่อเขาอ่างฤาไน และในเขตชุมชนเมืองบริเวณอุทยานแห่งชาติปางสีดา ทำให้ประชาชนเกิดความเสียหายในด้านทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่มากกว่าด้านชีวิตของประชาชน ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดก็ได้เริ่มดำเนินโครงการกักกันช้างเกเร ดุร้ายตามที่ได้รับงบประมาณปี 2564 โดยเลือกบริเวณเขาตะกรุบเพื่อจัดโซนนิ่งคนกับช้างรอบพื้นที่ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งมีระยะทางโดยรอบ 99 กิโลเมตร แต่เบื้องต้นยังขาดงบประมาณสร้างแนวกั้นช้างอีกกว่า 70 กิโลเมตร ทั้งนี้อนุกมธ.ได้เสนอแนวทางป้องกันเสริมด้วย แบริเออร์ป้องกันช้างป่ารูปแบบพิเศษที่แข็งแรง ประหยัดต้นทุนกว่าและยังกั้นช้างได้100% พร้อมถนนตรวจการณ์ และแหล่งอาหาร น้ำที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ช้างมีความสุขกัยการอยู่ในป่า นอกจากคูกั้นช้าง และรั้วคอนกรีตแบบปกติ  นอกจากนี้ กมธ.ยังได้ศึกษาหลักเกณฑ์การเยียวยาต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม โดยกรณีพืชสวนการเกษตรเสียหายเสนอให้ออกเป็นระเบียบกรมอุทยานฯ เพื่อชดเชยอัตราพืชผลไร่ละ 1,690 บาท เทียบเท่าราคาต้นละ 80 บาท ส่วนที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ได้ร่วมกับ คปภ. ออกแบบในลักษณะกรมธรรม์ภัยช้างป่า หากถึงแก่ชีวิตให้ได้รับสินไหมทดแทน 5 แสนบาท กรณีพิการ 2 ใน 4 ส่วน ให้ได้รับสินไหมทดแทน 50% หรือ 250,000 บาท ซึ่งจากการสำรวจความพึงพอใจจากผู้เสียหาย แม้จะชดเชยไม่สอดคล้องกับที่ควรจะได้รับแต่ก็บรรเทาความเดือดร้อนได้