มท.1ลงพื้นที่เมืองกรุงเก่า ตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย ตำบลไทรน้อย และ ตำบลสะพานไทย อำเภอบางบาล วันที่ 26 ตุลาคม 2564 พลเอก อนุพง์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจ ด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และคณะได้เดินทางถึงประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล ตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมี นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตรวจเยี่ยมระบบการระบายน้ำบริเวณประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล จากนั้น เวลา 14.00 น. พลเอก อนุพง์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังวัดกำแพงแก้ว ตำบลสะพานไทย อำเภอบางบาล เพื่อตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย จำนวน 200 ชุด และพร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ ยังได้กำหนดลงเรือตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย จำนวน 10 ชุด อีกด้วย พลเอก อนุพง์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพ่อแม่พี่น้องประชาชน และได้มีข้อสั่งการให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งดูแลในด้านการเยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำลดเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว วันนี้ผมพร้อมด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าส่วนราชการส่วนกลาง มาให้กำลังใจพี่น้องประชาชนชาวอำเภอบางบาล รวมถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสา และทุกภาคส่วน ท่านนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เพื่อดูแลและติดตามการให้ความช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนในสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่าปริมาณฝนในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 54 ค่าเฉลี่ยฝนที่ตกในพื้นที่ตรงนี้มากกว่าเกณฑ์เฉลี่ย รวมทั้งพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในบริเวณลุ่มน้ำแม่น้ำน้อย แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำป่าสัก ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือแล้ว จึงขอฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัยในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และสุขาที่ถูกสุขลักษณะ และหลังจากน้ำลดแล้ว "เราจะไม่ทอดทิ้งกัน" โดยจะเร่งดำเนินการด้านการเยียวยาช่วยเหลือต่อไป พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ในเรื่องการระบายน้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จะมีคณะกรรมการลุ่มน้ำจังหวัด ประชุมหารือวางแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมรสุมและน้ำหลากจากลุ่มน้ำต่าง ๆ เช่นเดียวกับจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา ขอนแก่น และจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดที่อยู่ปลายน้ำจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ต้องรับน้ำฝน เราบังคับฝนให้ตกเฉลี่ยไม่ได้ พอฝนตกไปที่ใดที่หนึ่งมากเราต้องรีบระบาย จะเกิดผลกระทบทำให้น้ำท่วมเช่นนี้ ซึ่งคณะกรรมการลุ่มน้ำจังหวัดต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจ รวมถึงในเรื่องการซ่อมแซมเยียวยา ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอำเภอและจังหวัด (คชพ.อำเภอ คชพ.จังหวัด) เข้าไปสำรวจ และให้การเยียวยา โดยทุกฝ่ายได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้พระราชทานไว้ว่า "บ้านเรือนพี่น้องประชาชนที่เสียหาย ให้ทุกหน่วยงานรีบซ่อมแซมให้เขากลับไปใช้ชีวิตปกติโดยเร็วที่สุด" ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรีบสำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานต่าง ๆ เร่งระดมสรรพกำลังช่างในท้องถิ่น ช่วยกันซ่อมแซม และเรายังมีหน่วยงานที่ลงมาช่วยซ่อมประจำ คือ ทหาร ตำรวจ และกลุ่มอาชีวะ ซึ่งกลุ่มอาชีวะเป็นส่วนที่สำคัญที่จะช่วยซ่อมแซมทั้งบ้าน ยานพาหนะ เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ภาครัฐจะต้องดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด ผมและคณะ จะรีบดำเนินการหาแนวทางช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกด้าน ทางด้าน นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จังหวัดนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโชนร้อน "โกนเชิน" และ "เตี้ยนหมู่" และ "คมปาซุ" ส่งผลให้เกิดน้ำหลากบริเวณพื้นที่ตอนบนของลุ่มเจ้าพระยาไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและคลองธรรมชาติ นอกคันกั้นน้ำชลประทาน ได้รับผลกระทบน้ำเอ่อลันตลิ่งจากแม่น้ำน้อยคลองโผงเผง และคลองบางบาล เข้าท่วมบริเวณบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้วและในภาพรวม จำนวน 14 อำเภอ 124 ตำบล 740 หมู่บ้าน 51,569 ครัวเรือน รวมทั้งมีวัดและมัสยิด ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 112 วัด 10 มัสยิด ซึ่งทางจังหวัด และทุกภาคส่วนได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้วตามลำดับ นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน