นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือ'ทิม' หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า... [ ว่าด้วยยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคใต้: หลายพรรคสู้ด้วยอดีต แต่เราจะสู้ด้วยอนาคต ] หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า พี่ต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon เลขาธิการพรรคก้าวไกล คนที่เป็นมันสมองของพรรคมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคก้าวไกล เป็นคนใต้ เกิดและเติบโตที่จังหวัดสงขลา ตลอดทั้งเส้นทางการตะลุยภาคใต้ของพวกเราในอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและความฝันเกี่ยวกับภาคใต้ของพี่ต๋อม พี่ต๋อมเล่าว่า “เรามีความเชื่อความภาคภูมิใจว่าภาคใต้ของเราเจริญกว่าภาคอื่นๆ ซึ่งก็ไม่ผิดนักหรอกเพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้วภาคใต้ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทำให้เราหาทรัพย์จากดินได้เป็นจำนวนมาก ปัญหาคือ 30-40 ปี มานี้นอกจากการตัดถนนที่เพิ่มขึ้นแล้วภาคใต้แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างเหมือนหยุดอยู่กับที่ 30 ปีก่อนเป็นอย่างไรวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น” “แต่ก่อนกรีดยางแล้วถูกกดราคากันอย่างไรวันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น เทคโนโลยีการแปรรูปยางที่ควรจะมีเพื่อให้เกษตรกรสามารถขายยางได้ในราคาที่สูงขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเพราะเหล่าเสือนอนกินพยายามกีดกันทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้โรงงานแปรรูปยางเกิดขึ้น ปาล์มที่ชีวิตเกษตรกรอยู่ในกำมือของรัฐบาล มังคุดที่ราคาตกทุกปี และการท่องเที่ยวที่งบประมาณและแนวคิดในการส่งเสริมอยู่ในกำมือรัฐส่วนกลาง ไม่ได้มาจากคนในพื้นที่ แต่มาจากนักรบห้องแอร์ที่กรุงเทพฯ” “เราอาจจะติดอยู่กับความเจริญรุ่งเรืองในอดีตมากจนเกินไป ไม่กี่ปีก่อนตอนผมพาแม่ไปอีสานแม่ผมตกใจพอสมควรที่อีสานเจริญขนาดนี้ ผมเลยต้องบอกแม่ว่าอีสานเองก็ไม่ได้พัฒนามาสักพักแล้วเหมือนกัน คุณลองคิดดูแล้วกันว่าความเชื่อว่าบ้านเราเจริญที่สุดมันฝังลึกขนาดไหน ขนาดภาคอีสานที่ไม่ได้พัฒนาอย่างเห็นได้ชัดมาสักพักแล้วยังทำให้แม่ผมตกใจได้” “ปัญหาก็คือโลกพัฒนาไปข้างหน้าใน pace ที่ไวมากๆ เราที่หยุดอยู่กับที่มา 30 ปี ในขณะที่คนอื่นอย่าเรียกว่าเดิน เรียกว่าวิ่งไปข้างหน้าน่าจะถูกกว่า ไม่ต้องเทียบกับประเทศอื่นก็ได้ เอาแค่ภาคอื่นของประเทศก็พอ หากไม่ทำอะไรสักอย่างกับบ้านเกิดของเรา อีกไม่นานภาคใต้ต้องแย่จนยากจะฟื้นอย่างแน่นอน เพราะเราตามโลกที่กำลังพัฒนาไปข้างหน้าไม่ทัน ปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้มาตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถที่จะพาภาคใต้ไปต่อได้อีกแล้ว อย่างมากเราอาจจะลากต่อไปได้อีกสัก 4-5 ปี แต่นั่นล่ะ หลังจากที่ถูลู่ถูกังลากกันไปเสร็จแล้วคนที่ต้องแบกรับความล้มเหลวทุกอย่างเอาไว้ก็จะเป็นคนรุ่นถัดไป” . แต่พี่ต๋อมก็เชื่อว่าเรายังมีความหวัง พี่ต๋อมมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ พรรคก้าวไกลจะมี ส.ส. มากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภาคใต้และประเทศไทยได้ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกพรรคเฟ้นหาตัวผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ โดยดูจากนามสกุล ขอให้ได้เป็นเครือญาตินักการเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น หรือนักการเมืองระดับชาติ ไล่ตั้งแต่ อบต อบจ ส.ส. ส.ว. สุดแล้วแต่ว่าพรรคไหนจะไปดูดนามสกุลใครมาได้ ทุกพรรคต่างสู้ศึกภาคใต้กันด้วยอดีต อดีตที่ผูกติดกับนามสกุล “เราคงไม่ไปเล่นเกมแย่งชิงตัวนักการเมืองเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองเก่าเพื่อดึงตัวมาทำงานทางการเมืองกับเราแน่ๆ เพราะสิ่งที่เราพยายามตามหาไม่ใช่นามสกุลดัง แต่คือคนที่มีอุดมการณ์และความฝันเดียวกันกับเรา เราจะไม่สู้ด้วยอดีต เราจะสู้ด้วยอนาคต และเรามั่นใจว่ามีคนจำนวนมากที่รู้และเข้าใจว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้อีกแล้ว แต่มันไม่ง่ายหรอก ในระดับหนึ่งเราต้องเชื่อใจคนที่ตื่นแล้วว่าเขาจะยังไม่ยอมแพ้และกลับไปช่วยกันปลุกคนที่บ้านให้ตื่น ไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เราจะตื่นคนเดียวไม่ได้ เราทุกคนมีหน้าที่ต่ออุดมการณ์ ความฝัน และขบวนการเปลี่ยนแปลง” สิ่งที่พี่ต๋อมพูดไว้ด้านบนทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ตลอดการเดินทางของพวกเรา ในระหว่างทางเราได้พบปะพูดคุยกับคณะทำงานจังหวัดเป็นจำนวนมาก ตอนแรกเราคิดว่าเราคงจะถูกคณะทำงานในภาคใต้ตำหนิที่เราไม่ค่อยมีเวลาลงมาพบปะพูดคุยกับพวกเขา หรือไม่คณะทำงานอาจจะมีข้อเรียกร้องขอให้เราสนับสนุนพวกเขาในด้านต่างๆ ก่อนลงมาภาคใต้เราทำใจกันไว้พอสมควรว่าโดนต่อว่า โดนวิพากษ์วิจารณ์หนักแน่นอน แต่ไม่เลย ไม่มีใครอยากได้อะไรแบบนั้นจากเรา ทุกคนเข้าใจว่าที่ผ่านมาเราใช้เวลาทั้งหมดไปเพื่อพิสูจน์ตนเองในสภา พิสูจน์ว่าต่อให้เขาเอาธนาธร ปิยบุตร ออกไป แต่อุดมการณ์อนาคตใหม่ก็ยังดำรงอยู่และยังคงเดินหน้าต่อ กลับกันสิ่งที่คณะทำงานจังหวัดเรียกร้องจากเรา คืออยากให้เราสู้มากกว่านี้ ชนกับต้นตอของปัญหามากกว่านี้ ทุกคนมองไปข้างหน้า บทสนทนามีแต่เรื่องอุดมการณ์การต่อสู้ คุณยายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยงานคณะทำงานจังหวัดบอกกับผมว่าที่ยายมาเข้าร่วมการต่อสู้นี้ สุดท้ายยายคงอยู่ไม่ทันได้เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ที่ยายต้องมาช่วยเพราะเวลาของยายเหลืออยู่ไม่มากแล้ว พี่ต๋อมได้ยินประโยคนี้แล้วถึงกับน้ำตาไหล นี่ไม่ใช่เพียงพรรคการเมืองแล้ว มันคืออุดมการณ์การเปลี่ยนแปลง ตลอดการเดินทางลงสู่ภาคใต้ เราสัมผัสได้ถึงความโหยหาความเปลี่ยนแปลงที่คุกรุ่นในทุกหย่อมหญ้า เจตจำนงอนาคตใหม่ วิถีก้าวไกลที่พรรคประกาศไว้ที่ขอนแก่น สะท้อนมาไกลถึงร้านติ่มซำที่สุราษฎร์ธานี นาข้าวบนเกาะกลางที่กระบี่ สวนยางที่ตรัง ไปจนถึงสวนมังคุดที่นครศรีธรรมราช คำประกาศของพรรคก้าวไกลว่าเราจะปลดปล่อยศักยภาพของประเทศให้หลุดพ้นจากคำสาปห้ามพัฒนาด้วยการชนกับช้างรัฐราชการรวมศูนย์ และเสือนอนกินที่ได้ประโยชน์จากความไม่เปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองอื่นๆ อาจจะพยายามเอาชนะหัวใจของคนใต้ด้วยเรื่องของอดีต แต่สำหรับพรรคก้าวไกล เราจะมาคุยกันด้วยเรื่องของอนาคต มาช่วยกันเปลี่ยนใจคนใต้ไปด้วยกันนะครับ