วันที่ 25 ต.ค. 64 เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์  ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงว่า ในการประชุม ศบค.ส่วนหน้า ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 พื้นที่ชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ได้เน้นย้ำการเสียชีวิตที่พบอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเรื้อรังกว่า 90% คือคนที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบ จึงตั้งเป้าระดมบุคลากรฉีดวัคซีนในพื้นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังเป็นการบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และตัวแทนศาสนา เพื่อดูแลประชาชนให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เขาเป็นอยู่ ในการป้องกันโควิด-19 พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีหลายคนตั้งคำถามว่ายังมีการติดเชื้อประเทศอยู่ แล้วเปิดประเทศจะมีความเสี่ยงหรือไม่นั้น รายชื่อประเทศ 45 ประเทศ และ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่เราจะให้เดินทางเข้าประเทศไทยนั้น ต้องอยู่ที่พื้นที่ต้นทางด้วยว่าเขาอนุญาตให้ประชาชนของเขาออกนอกประเทศแล้วหรือยัง แต่ยืนยันเราวางเงื่อนไขทุกอย่างเพื่อปลอดภัย และระบบสาธารณสุขของเรารับได้ นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีการประเมินด้วยหลักเกณฑ์ด้านต่างๆ ว่าจะเปิดพื้นที่ได้หรือไม่ได้ ทั้งการฉีดวัคซีนครอบคลุมพื้นที่หรือไม่ อัตราการป่วยหนัก อัตราการเสียชีวิต และถ้าพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนก็จะมีมาตรการออกมารองรับ อย่างจ.เพชรบูรณ์ที่มีการประกาศปิดภูทับเบิก เพื่อจำกัดวงไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปพื้นที่อื่นๆ ขณะเดียวกัน ในพื้นที่นำร่องจะต้องมีแผนเผชิญเหตุเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลง ซึ่งแต่ละจังหวัดสามารถเสนอแผนเผชิญเหตุเข้ามาได้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนคำถามที่ว่า มาตรการ covid free setting ที่ผู้ให้บริการสามารถปฏิเสธผู้รับบริการที่ฉีดวัคซีนไม่ครบได้หรือไม่นั้น ขอย้ำว่ามาตรนี้ไม่ใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือขั้นสูงสุด เพื่อทำให้บุคลากร ลูกค้า และผู้ใช้บริการมีความปลอดภัย สำหรับมาตรการนี้มี 3 องค์ประกอบ คือ 1.ปรับสถานที่ เว้นระยะห่าง ปรับพื้นที่ให้ระบายอากาศได้ดี 2.สถานประกอบการ ที่ผ่านมาให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม มีการจัดให้บุคลากรฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ จัดหาชุดตรวจ ATK เป็นระยะสม่ำเสมอ 3.ผู้รับบริการ หากทยอยทำได้มากขึ้น เร็วขึ้น จะทำให้เกิดความมั่นใจ แต่ย้ำว่าเมื่อเป็นวิถีใหม่ก็ต้องให้เวลา ประชาชนจะต้องใช้ความเข้าใจ ปรับตัว และยังยืดหยุ่นได้ "สำหรับตลอดทั้งเดือน ต.ค. จะมีงานบุญกฐิน งานบุญบั้งไฟ ขอให้ทุกคนระมัดระวัง แต่ภาพข่าวที่ออกมาบางจังหวัดที่ยังห้ามรวมตัวเกิน 500 คน ปรากฏว่าเมื่อดูแล้วเกิน 500 คน จึงขอให้หน่วยงานรัฐเข้าไปเข้มงวดมาตรการ ขอให้จังหวัดกำชับว่าเรายังไม่ผ่อนคลายขั้นสูงสุด คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอให้ทุกคนยึดมาตรการป้องกันโควิด-19 แบบครอบจักรวาล ดูแลตัวเอง รวมถึงเฝ้าระวังคนใกล้ชิด"พญ.อภิสมัย กล่าว