เมื่อวันที่ 21 ต.ค.64มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า นับตั้งแต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้งพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เมื่อกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไปและเตรียมการคัดสรรตัวผู้สมัครส.ส.โดยในส่วนของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคและแกนนำในกลุ่มได้จัดทำโพลเพื่อประเมินความนิยมส.ส.ของพรรคในแต่ละภาค โดยมอบหมายหน่วยงานของรัฐแต่ละพื้นที่ดำเนินการ อาทิ หน่วยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานความมั่นคง เป็นต้น ทั้งนี้แกนนำในกลุ่มร.อ.ธรรมนัส ให้น้ำหนักกับพื้นที่กทม. และภาคใต้ เป็นพิเศษ เนื่องจากมองว่า ส.ส.ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับเลือกมาเพราะได้กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้เป็นส.ส. เพราะความสามารถ และมีฐานเสียงเป็นของตัวเองแต่อย่างใด แตกต่างจากภาคเหนือและอีสาน ที่ส.ส.ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มร.อ.ธรรมนัส ซึ่งถูกมองว่า การได้เป็น ส.ส. ก็ด้วยปัจจัยอื่น ที่นอกเหนือจากกระแสพล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุน สำหรับผลโพลที่ทางพรรคทำในพื้นที่ภาคใต้ปราฎกว่า พลังประชารัฐมีส.ส.ทั้งหมด 14 คน แต่มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์เพียง 4 คน ได้แก่ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา และนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยส.ส.หลายคนยังไม่ทราบถึงการจัดทำโพลดังกล่าวด้วยซ้ำ นอกจากนั้นส.ส.ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ยังไม่ได้รับคำแนะนำใดๆ อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ส.ส.บางคนที่ทราบความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคกลุ่มดังกล่าว ต่างตั้งข้อสังเกตถึงเจตนาที่แท้จริง รวมถึงความแม่นยำของการทำโพลว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ส่งส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมลงเลือกตั้งในนามพรรคครั้งต่อไปหรือไม่ เนื่องจากส.ส. หลายคน ไม่ใช่คนในกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส และยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การทำโพลดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเงื่อนไขกดดันให้ส.ส.มาขึ้นตรงกับกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส แลกกับการถูกส่งลงสมัครในครั้งต่อไปหรือไม่อีกด้วย