คณะราษฎรขอนแก่น จวก “ประวิตร” ตาบอด มองไม่เห็นผู้ชุมนุมขอเข้าพบขณะลงพื้นที่ขอนแก่น “เซฟ” ย้ำชัดทุกคนพร้อมต้อนรับ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า พร้อมเดินหน้าผิดคนสั่งการและเจ้าหน้าที่ที่กระทำกับประชาชนเพราะผู้ชุมนุมมีหลักฐานเอาผิดแน่นมาก เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 16 ต.ค.2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ จ.ขอนแก่น หรือ ไคซ์ นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือ เซฟ แกนนำคณะราษฎรขอนแก่น และ แกนนำกลุ่มขอนแก่น พอกันที เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าไม่เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาให้การต้อนรับหรือเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่นั้น เรียกได้ว่า พล.อ.ประวิตร ตาบอด และแสดงออกถึงตัวตนที่ชัดเจนที่ชอบระบุมาตลอดว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ซึ่งในวันที่ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ในวันที่ 14 ต.ค.นั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตมไปในทุกจุดแต่ถูกเจ้าหนาที่สกัดกั้นและไม่ยอมให้เข้าพบ โดยเฉพาะที่ ต.ท่าพระ ที่ผู้ชุมนุม และ พล.อ.ประวิตร อยู่ห่างกันไม่ถึง 50 เมตร ซึ่งก็พยายามจะเข้าไปพบ ไปต้อนรับ และมอบของฝากแต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าจนเกิดการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น ดังนั้นการที่มาระบุว่าไม่รู้ ไม่รู้ ถือว่าตาบอดชัดเจน “ เหตุการณ์ปะทะ ทั้ง 3 จุดระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ตำรวจใช้ความรุนแรงชัดเจน เพราะผู้ชุมนุมนั้นได้แสดงออกตามระบอบประชาธิปไตยและสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ แต่ทำไมตำรวจต้องใช้ความรุนแรงและกระทำกับผู้ชุมนุมขนาดนี้ เราอยู่ในจุดที่กำหนดและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์คู่ขนานกับการจัดกิจกรรม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาใช้กำลัง มาใช้ความรุนแรงและห้ามปรามด้วยการใช้กำลังที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งในการปะทะทั้ง 3 จุดที่เกิดขึ้นนั้นผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 4 คน ซึ่งขณะนี้ทุกคนได้เข้ารับการตรวจร่างกายและเตรียมที่จะแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้สั่งการ ทั้ง ผบช.ภ.4,รอง ผบช.ภ.4 และ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น” นายวชิรวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ หรือ ไนซ์ ดาวดิน เพิ่มเติมอีก 2 กล่าวหา จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัด คือ ข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่และประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฎิบัติงาน ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้แจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะกับ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ที่ควบคุมและสั่งการจากเหตุปะทะที่เกิดขึ้น เบื้องต้นเอาผิด ตามมาตรา 157 ขณะที่ทีมทนายความเตรียมพิจารณาข้อหาเพิ่มเติม ในทุกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณี่เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่ายกฎหายของผู้ชุมนุมนั้นมีหลักฐานการเอาผิดเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ชัดเจนเช่นกัน