ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 15 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี คณะนายตำรวจซึ่งประกอบด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาการณ์ในตำแหน่ง ผกก.สภ.หนองรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพร ผกก.สส.1 บก.สส. ภ.7 พ.ต.ท.ทศพร รุ่งเรืองศุภรัตน์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ได้นำตัวนายธนิตย์ หรือ บอลวังกุ่ม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาวที่ใช้ในการก่อเหตุมาทำการสอบสวนปากคำนานหลายชั่วโมง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 1 บก.สส.ภ.7 ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจ สภ.หนองรี และตำรวจ สภ.พนมทวน ทำการติดตามกดดันจนหลบหนีไปกบดานที่บ้านหลังหนึ่ง เจ้าหน้าที่สามารถติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก รถจิ๊บดัดแปลง 1 คัน เชือกมะนิลา 1 เส้น ซึ่งตำรวจเขื่อว่า เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดบรรทุกรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเทน่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน(ดัดแปลงเป็นรถ จยย.วิบาก) ของผู้ตาย ที่หลังก่อเหตุบรรทุกรถ จยย.ของผู้ตายนำไปทิ้งที่ริมคลองชลประทานในเขตพื้นที่บ้านตลาดเขต อ.พนมทวนจ.กาญจนบุรี วางอยู่ที่ด้านหน้ารถภายในโรงจอดรถ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยนายธนิตย์ หรือบอลวังกุ่ม ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า อาวุธปืนลูกซองเป็นของตน ในวันเกิดเหตุตนได้ร่วมเดินทางไปกับนายรุ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท บ้านอยู่ห้วยกระเจา อายุประมาณ 30 ปี จริง แต่ตนไม่ได้เป็นคนลงมือใช้อาวุธปืนยิงนายบัญชา กลิ่นเกษร ผู้ตาย คนที่ลงมือยิงนายบัญชา คือนายรุ่ง คนร้ายอีกคนได้หลบหนีไปแล้ว ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องบาดหมางเรื่องหนี้สิน และเรื่องชู้สาว นายรุ่ง เข้าใจว่านายบัญชา ผู้ตายแอบไปติดต่อมีความสัมพันธ์ุกับแฟนสาวของนายรุ่ง ที่เลิกร้างกันไป จึงทำให้นายรุ่งโกธรแค้น นัดเคลียร์ปัญหากันในพื้นที่ป่าเชิงภูเขาใกล้จุดที่พบศพ แต่สุดท้ายเคลียร์กันไม่จบ นายรุ่ง จึงใช้อาวุธปืนลูกซองยาวที่เป็นของตนที่นำติดตัวไปด้วย จ่อยิงนายบัญชา จนเสียชีวิต จากนั้นจึงนำศพไปทิ้งอำพรางในซอกหินลึกประมาณ 140-150 ซม.จนกระทั่งมีชาวบ้านที่ไปหาของป่าไปพบเข้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญต่อประชาชน คนร้ายก่อเหตุแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสพชัย ผบก.สส.ภ 7 ดูแลคดีสั่งการให้ พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตน์อุดมพล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.ท.ทศพร รุ่งเรืองศุภรัตน์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 นำกำลังลงพื้นที่ประสานงานกับ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี สนธิกำลังกับ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาการณ์ในตำแหน่ง ผกก.สภ.หนองรี ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ ร่วมกับ พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี สนธิกำลังทีมตำรวจชุด กก.สส.ภ.7 ตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองรี สภ.พนมทวน แยกย้ายแบ่งกำลังทำงานออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย และเส้นทางที่คาดว่าเป็นเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ ในส่วนของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้เร่งรัดได้เชิญตัว นส.ช่อทิพธัญญา กลิ่นเกษร พี่สาวผู้ตายรวมทั้งญาติๆ มาสอบสวนปากคำเพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายที่คาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน จนกระทั่งได้เบาะแสของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้าย 2 คน คือนายบอล และนายรุ่ง เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี และติดตามจับกุมตัวนายธนิตย์ หรือบอลวังกุ่ม เอาไว้ได้พร้อมของกลาง ส่วนนายรุ่งห้วยกระเจา สามารถหลบหนีไปได้ เรียกว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามสืบสวนจับกุมคนร้ายได้เร็วมาก นับตั้งแต่วันที่นายบัญชา ผู้ตายหายตัวไปเมื่อวันที่ 9 ต.ค.64 ญาติๆ แจ้งความคนหายวันที่ 11 ต.ค.64 พบศพวันที่ 13 ต.ค.64 จับกุมคนร้ายได้ วันที่ 15 ต.ค.64 รวมระยะเวลาเพียง 7 วัน ก็สามารถสืบสวนคลี่คลายคดีติดตามจับกุมคนร้ายที่ร่วมฆ่าเอาได้ 1 คน แม้คนร้ายจะปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นคนลงมือเหนี่ยวไก แต่ก็ยอมรับว่าวันเกิดเหตุได้ร่วมเดินทางไปกับคนร้ายอีก 1 คนจริง อีกทั้งเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย นับเป็นอีก 1 คดีที่ตำรวจทำงานสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ดังวิสัยทัศน์พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ที่ว่า "ตำรวจภูธรภาค 7 ต้องทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน"