วันที่ 15 ต.ค.64 นายเรวัฒน์ สุขหอม สาธารณสุขอำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่ สภ.อ่าวน้อย ภายหลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว หมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย ร่วมกันจับกุมแรงงานชาวเมียนมาร์อีก 34 ราย สำหรับผลการตรวจเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มแรงงานหลบหนีเข้าเมืองในรอบ 15 วัน หลังจากมีการจับกุมแรงงานเถื่อนมากกว่า 100 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าร้อยละ 10 โดยเป็นเชื้อสายพันธ์เดลต้า บุคคลเหล่านี้ถือเป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ หากหลบหนีจากพื้นที่ชายแดนไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมปลายทางทั้งในกิจการต่อเนื่องจากการประมงที่ จ.สมุทรสาคร หรือ โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้กระป๋องใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.เสมอ อยู่สำราญ ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวชาวเมียนมาร์หลบหนีเข้าเมือง ที่ผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด 19 วันภายในห้องขังที่ สภ.เมือง เนื่องจากสถานที่กักตัวตัวแรงงานหลบหนีเข้าเมืองหรือ โอ. คิว . ที่กองร้อย ตชด.ที่ 146 ต.คลองวาฬ สถานที่กักตัวตามแนวทางที่หลายหน่วยงานกำหนดร่วมกันตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พบว่ามีการกักตัวแรงงานเถื่อนจำนวนมากเกินความจุ ล่าสุดมีรายงานว่า มีแรงงานชาวเมียนมาร์หลบหนีเข้าเมืองรายใหม่อีก 29 คน ที่หมู่ 9 บ้านมะขามโพรง ต.เกาะหลักรอยต่อพื้นที่ ต.คลองวาฬ ใกล้กับบริเวณแนวชายแดน จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองขอให้ผลักดันออกนอกประเทศ เนื่องจากขณะนี้ยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐประสบปัญหาสถานที่สำหรับกักตัว 14 วันมีไม่เพียงพอ หากนำบุคคลต่างด้าวไปกักตัวนอก โอ. คิว. ที่กำหนด หน่วยงานนั้นต้องรับผิดชอบค่าอาหารครบทุกมื้อ มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ปัญหาจากการผลักดันให้แรงงานชาวเมียนมาร์ที่ลักลอบเดินเท้าเข้าชายแดนไทยกลับไปที่บ้านมูด่อง แหล่งพักแรงงานเถื่อนขนาดใหญ่ในภาคตะนาวศรี ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีผลในทางปฏิบัติ เนื่องจากแรงงานเถื่อนได้จ่ายส่วยค่าเดินทางออกนอกประเทศผ่านนายหน้าแล้วหัวละ 500 บาท การผลักดันออกไปทำให้บุคคลต่างด้าวส่วนใหญ่ไปแอบกบดานชั่วคราว บริเวณสันแดนใกล้ช่องทางธรรมชาติ บางส่วนไปหลบในสวนปาล์ม สวนยางพาราที่มีแรงงานชาวเมียนมาร์เข้ามารับจ้างทำงานในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน มีทั้งการส่งเสบียง การให้ที่พักพิง เพื่อรอนายหน้าแก๊งค้าแรงงานเถื่อนไปรับในจุดนัดหมาย ขณะที่มีข้อตกลงจากหน่วยงานด่านความมั่นคง ห้ามหน่วยงานอื่นนำกำลังไปลาดตระเวนในแนว 3 กิโลเมตร ในจุดที่ห่างจากสันแดน ทำให้ที่ผ่านมามีแรงงานเถื่อนจำนวนมากเดินเข้ามาถึงเขตชุมชน หมู่บ้าน