เอสซีจีพี มอบฟ้าทะลายโจร 1 ตัน และเครื่องมือผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจร ให้กับ รพ.พล สู้ภัยโควิด-19 พร้อมเดินหน้าแผนขับเคลื่อน "พลทิพย์" แหล่งผลิตยาแพทย์แผนไทยรายใหญ่ครอบคลุมทุกศาสตร์ทางการแพทย์ในราคาไม่แพง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 ต.ค.2564 ที่ ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นพ.สสจ.ขอนแก่น ร่วมรับมอบเครื่องจักรและปัจจัยในการผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจร เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนายสมณรงค์ ฤกษ์นาวิน ผู้อำนวยการโรงงานบริษัทฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ใน SCGP เพื่อส่งมอบให้กับ รพ.พล อ.พล จ.ขอนแก่น สำหรับใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับมอบและเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง
นายสมณรงค์ ฤกษ์นาวิน ผู้อำนวยการโรงงานบริษัทฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ใน SCGP กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ขอนแก่น มีมาตรการในการรักษาควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โดยมีการกำหนดมาตรการต่างๆตามที่รัฐบาลและ ศบค.กำหนด ทั้งการการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และขั้นตอนการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วย ตามที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องรวมถึงการผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจรในการเป็นยาช่วยรักษาและบรรเทาอาการให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ซึ่งจากข้อมูลร่วมระหว่าง บริษัทฯ และ สสจ.ขอนแก่น พบว่า ที่ รพ.พล เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสามารถผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจร เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด- 19 บริษัทฯ จึง เล็งเห็นความสำคัญในการจัดกิจกรรมการผลิตแคปซูล เพื่อให้การรักษาประชาชน จึงได้สนับสนุนการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรให้กับ รพ.พล โดยร่วมสนับสนุนเครื่องอบสมุนไพร 1 เครื่อง ,เครื่องอบสมุนไพรด้วยแสงยูวี 1 เครื่อง ,สมุนไพรฟ้าทะลายโจรใบสดและใบแห้ง 1 ตันและสนับสนุนค่าใช้จ่ายการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร จำนวน 30,000 บาท รวมมูลค่า 1,300,000 บาท เพื่อให้ รพ.พลได้ดำเนินการผลิตฟ้าทะลายโจร ตามสัดส่วนการรักษาและกระจายแคปซูลให้กับ รพ.เครือข่าย ตามแนวทางที่ สสจ.กำหนด
ขณะทีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า รพ.พล เป็นโรงพยาบาล ที่ดำเนินงานด้านแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย ได้อย่างดีเยี่ยม มีการผลิตยาตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ในชื่อ พลทิพย์ มาตั้งแต่ปี 2541 และเป็นโรงพยาบาลที่ผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ให้บริการให้กับ รพ.ต่างๆในเขต จ.ขอนแก่น และ จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่า แคปซูลฟ้าทละายโจรนั้นขาดตลาด รพ.มีผงฟ้าทะลายโจรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จาก มข. อยู่เพียง 2 กก. ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงช่วยกันในการจัดหาวัตถุดิบ ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก และจัดหาฟ้าทละายโจรมาสมทบ จนนำมาู๋การส่งมอบความช่วยเหลือและการประสานการทำงานร่วมกัน จนในที่สุดได้มีการส่งมอบวัตถุดิบคือฟ้าทะลายโจร 1 ตัน และเครื่องผลิตทั้งระบบให้กับทาง รพ.ได้ผลิตสำหรับการใช้งานที่ รพ.และในพื้นที่เครือข่ายตามที่กำหนด
"จากนี้ไป รพ.พล จะเป็นแหล่งผลิตยาฟ้าทะลายโจร ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของจังหวัด ที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกของกลุ่มเกษตรกร และนำส่งวัตถุดิบเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและตรงตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เนื่องจากฟ้าทะลายโจรนั้นไม่ใช่ยาป้องกันโควิด แต่เป็นยารักษาโควิด ซึ่งแคปซูลฟ้าทะลายโจรพลทิพย์ ที่วันนี้ รพ.พล ได้เริ่มกระบวนการและขั้นตอนการผลิตทั้งระบบแล้ว จะใช้ในการรักษาผู้ป่วย เริ่มจากผู้ป่วยในความรับผิดชอบของ รพ.พล จากนั้นจะกระจายใช้ในการรักษาผู้ป่วยใน รพ.เครือข่าย ทั้งที่ รพ.อุบลรัตน์,รพ.น้ำพอง และเครือข่ายบริการด้านสาธารณสุข ตามที่ฝ่ายการแพทย์กำหนด ขณะเดียวกัน พลทิพย์ ยังคงเป็นสถานที่ที่ผลิตสมุนไพรไทยและยาตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยมากว่า 30 รายการโดยมีสมุนไพรเด่นๆที่ถูกนำมาเป็นยาสมุนไพรไทย อาทิ ยาธาตุอบเชย,ยาอมพลทิพย์,ยาแก้ไอมะขามป้อมสูตรมะนาวดอง และยากระตุ้นน้ำนม ซึ่งยาส่วนใหญ่ที่ รพ.ได้จัดทำขึ้นนั้นมากกว่า 50% จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยของ รพ.ฯเป็นหลัก"
นายสมณรงค์ ฤกษ์นาวิน ผู้อำนวยการโรงงานบริษัทฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ใน SCGP กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ขอนแก่น มีมาตรการในการรักษาควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โดยมีการกำหนดมาตรการต่างๆตามที่รัฐบาลและ ศบค.กำหนด ทั้งการการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และขั้นตอนการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วย ตามที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องรวมถึงการผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจรในการเป็นยาช่วยรักษาและบรรเทาอาการให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ซึ่งจากข้อมูลร่วมระหว่าง บริษัทฯ และ สสจ.ขอนแก่น พบว่า ที่ รพ.พล เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสามารถผลิตแคปซูลฟ้าทะลายโจร เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด- 19 บริษัทฯ จึง เล็งเห็นความสำคัญในการจัดกิจกรรมการผลิตแคปซูล เพื่อให้การรักษาประชาชน จึงได้สนับสนุนการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรให้กับ รพ.พล โดยร่วมสนับสนุนเครื่องอบสมุนไพร 1 เครื่อง ,เครื่องอบสมุนไพรด้วยแสงยูวี 1 เครื่อง ,สมุนไพรฟ้าทะลายโจรใบสดและใบแห้ง 1 ตันและสนับสนุนค่าใช้จ่ายการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร จำนวน 30,000 บาท รวมมูลค่า 1,300,000 บาท เพื่อให้ รพ.พลได้ดำเนินการผลิตฟ้าทะลายโจร ตามสัดส่วนการรักษาและกระจายแคปซูลให้กับ รพ.เครือข่าย ตามแนวทางที่ สสจ.กำหนด
ขณะทีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า รพ.พล เป็นโรงพยาบาล ที่ดำเนินงานด้านแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย ได้อย่างดีเยี่ยม มีการผลิตยาตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ในชื่อ พลทิพย์ มาตั้งแต่ปี 2541 และเป็นโรงพยาบาลที่ผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ให้บริการให้กับ รพ.ต่างๆในเขต จ.ขอนแก่น และ จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่า แคปซูลฟ้าทละายโจรนั้นขาดตลาด รพ.มีผงฟ้าทะลายโจรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จาก มข. อยู่เพียง 2 กก. ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงช่วยกันในการจัดหาวัตถุดิบ ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก และจัดหาฟ้าทละายโจรมาสมทบ จนนำมาู๋การส่งมอบความช่วยเหลือและการประสานการทำงานร่วมกัน จนในที่สุดได้มีการส่งมอบวัตถุดิบคือฟ้าทะลายโจร 1 ตัน และเครื่องผลิตทั้งระบบให้กับทาง รพ.ได้ผลิตสำหรับการใช้งานที่ รพ.และในพื้นที่เครือข่ายตามที่กำหนด
"จากนี้ไป รพ.พล จะเป็นแหล่งผลิตยาฟ้าทะลายโจร ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของจังหวัด ที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกของกลุ่มเกษตรกร และนำส่งวัตถุดิบเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและตรงตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เนื่องจากฟ้าทะลายโจรนั้นไม่ใช่ยาป้องกันโควิด แต่เป็นยารักษาโควิด ซึ่งแคปซูลฟ้าทะลายโจรพลทิพย์ ที่วันนี้ รพ.พล ได้เริ่มกระบวนการและขั้นตอนการผลิตทั้งระบบแล้ว จะใช้ในการรักษาผู้ป่วย เริ่มจากผู้ป่วยในความรับผิดชอบของ รพ.พล จากนั้นจะกระจายใช้ในการรักษาผู้ป่วยใน รพ.เครือข่าย ทั้งที่ รพ.อุบลรัตน์,รพ.น้ำพอง และเครือข่ายบริการด้านสาธารณสุข ตามที่ฝ่ายการแพทย์กำหนด ขณะเดียวกัน พลทิพย์ ยังคงเป็นสถานที่ที่ผลิตสมุนไพรไทยและยาตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยมากว่า 30 รายการโดยมีสมุนไพรเด่นๆที่ถูกนำมาเป็นยาสมุนไพรไทย อาทิ ยาธาตุอบเชย,ยาอมพลทิพย์,ยาแก้ไอมะขามป้อมสูตรมะนาวดอง และยากระตุ้นน้ำนม ซึ่งยาส่วนใหญ่ที่ รพ.ได้จัดทำขึ้นนั้นมากกว่า 50% จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยของ รพ.ฯเป็นหลัก"