วันที่ 13 ต.ค.64 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. เลย คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร และความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลกพบว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกในระยะสั้น ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นถึง 90$ ต่อบาเรล และ อาจจะขึ้นไปถึง 100$ ต่อบาเรลได้ สร้างความกังวลกับทั้งโลก เพราะจะส่งผลต่อเงินเฟ้อ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังจับตาราคาน้ำมันนี้เป็นปัจจัยหลักเลย ในขณะเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอมาตลอด และทรุดหนักช่วงวิกฤตการณ์โควิด โดยเศรษฐกิจไทยติดลบถึง -6.1% ในปี 2563 และ ในปี 2564 นี้เศรษฐกิจยังแทบจะไม่ฟื้นตัวเลย การขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะทรงๆ คืออยู่ระหว่าง +1% ถึง -1% ซึ่งย่ำแย่มาก จะบวกน้อยหรือจะลบน้อยก็ไม่ต่างกันนัก เพราะจะทรุดเหมือนกัน ซึ่งหากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะติดลบก็เป็นไปได้มาก นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่สูงจะส่งผลกระทบทำให้บัญชีเดินสะพัดของไทยที่ติดลบอยู่แล้ว จะติดลบมากขึ้น เพราะต้องนำเข้าน้ำมันในราคาที่สูงขึ้น (ราคาน้ำมันในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำมาตลอด) การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น และการดุลทางการคลังที่สูงมากจากการกู้เงินมาใช้จ่ายอย่างมากของรัฐบาล ส่งผลกระทบทำให้เงินบาทอ่อนค่า และมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทที่อ่อนจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันแพงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่สูงอาจจะส่งผลต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากต้นทุนสินค้าที่แพงขึ้น และค่าขนส่งที่แพงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะเพิ่มภาระแก่ภาคธุรกิจที่หนี้ท่วมกันอยู่แล้ว และจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นายเลิศศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองต่อข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยที่ให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจจะส่งผลในการตัดสินใจของรัฐบาลในอนาคต เพราะหากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูง รัฐบาลอาจจะต้องทบทวนการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในเร็ววันนี้ เพราะการจะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยพยุงราคาคงไม่เพียงพอ เพราะประชาชนจะเดือดร้อนกันอย่างมาก หากน้ำมันดีเซลจะพุ่งเกิน 30 บาท และหากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากจริง ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นและจะยิ่งหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่รัฐบาลจะแบกได้ และสุดท้ายรัฐบาลอาจจะไม่มีทางเลือกและจะต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง ตามพรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์ปัญหาล่วงหน้าและเสนอแนวทางแก้ปัญหาก่อนปัญหาจะเกิด และอยากให้รัฐบาลรับเอาข้อแนะนำของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเพื่อนำไปพิจารณา แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยก็คาดหวังว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเร่งผลิตน้ำมันออกมาสู่ตลาดโลกมากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันในประเทศสหรัฐที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในชั้นหินกาบ (Shale Oil) ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง และ แบ่งเบาภาระของเศรษฐกิจไทย และคนไทยในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่ก็คงอาจจะต้องใช้เวลาในการเพิ่มการผลิตซึ่งอาจจะไม่เร็วนัก