ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก น้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต วันที่ 13 ตุลาคม 2564 โดยระบุว่า...วันนั้น (13 ตุลาคม 2559) เป็นวันที่ผมร้องไห้ นาทีที่ผมทราบข่าว ว่าพระองค์ท่านจากไปเสียแล้ว น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม คงไม่ต่างจากคนไทยอีกหลายล้านคน ผมยอมรับว่าน้ำตาไหลออกมา มากกว่าคุณพ่อแท้ๆของผมจากไปเสียอีก เพราะในวันนั้น พ่อของแผ่นดินได้จากไปแล้ว ผมรู้สึกเสียใจที่มหาบุรุษคนหนึ่ง ที่ผมรู้จักและติดตามคุณูปการสิ่งที่พระองค์ทรงทำด้วยความลำบากมาตลอดหลายสิบปี ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว ในช่วงวัยรุ่น ผมเป็นฝั่งซ้ายเต็มตัว ศึกษาแนวคิดของคาร์ล มาร์กซ์ และหนังสือแนวคิดของฝั่งซ้ายอยู่หลายเล่ม แล้วก็ตั้งคำถามถึงการดำรงคงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ ไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่ยุคนี้เลย เพียงแต่ผมฉุกใจถึงท่าทีของผู้นำความคิดทางฝ่ายซ้ายหลายคนในยุคนั้น ที่มักจะให้เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อยู่ในที ยิ่งทางรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นผู้นำโลกคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น ให้เกิยรติราชวงศ์ไทยอย่างสูงแบบที่ไม่เห็นท่าทีแบบนี้กับราชวงศ์ใด ๆ มาก่อนเลย ผมจึงเริ่มศึกษา ถึงสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดและทำตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ตามประสาคนขี้สงสัย ยิ่งศึกษาไป ผมก็ค้นพบด้วยตัวเองว่า มหาบุรุษที่อุทิศตัวทำงานเพื่อประเทศชาติและราษฎรของประเทศไทยนั้นมีอยู่ที่นี่แล้วคนที่ทำงานหนักยากลำบากมาตลอดชีวิต เข้าถึงและพัฒนาจนแม้แต่ศัตรูอย่างผู้นำคอมมิวนิสต์ไทยหลายคนยังให้เกียรติและยกย่องนับถือ “คนแบบนี้ สูงส่งกว่าสถานะกษัตริย์ขึ้นไปอีก คนนั้นจะมีคุณค่าความหมาย ไม่ใช่สถานะฐานันดรศักดิ์ใดๆเป็นตัวกำหนด แต่ประโยชน์ และการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่างหาก จึงจะเป็นคุณค่าที่แท้จริงของคนผู้นั้น มหาบุรุษแบบนี้ เมื่อจากไปผู้คนทั้งแผ่นดินจึงหลั่งน้ำตาด้วยความรักความอาลัย ใครจะไม่รัก ไม่ชอบพระองค์ท่านนั้นไม่แปลกครับ เพราะสงครามข่าวสารนั้นมีมาเสมอ จากฝั่งขวาและฝั่งซ้าย แต่ลองเปิดใจตนเอง ค้นคว้าสิ่งที่พระองค์คิดและทำด้วยตนเองจากข้อมูลหลายๆแหล่ง ถึงตอนนั้น คุณจะรู้ด้วยตนเองครับ โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก “ว่าคุณควรจะรู้สึกต่อพระองค์ท่านอย่างไร”