"บิ๊กตู่" ยันไม่มีแนวคิดยุบสภาฯ เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาช่วยปชช. ขอให้ดูผลงานชัดเจนภายใน 5 ปี "บิ๊กป้อม" ลั่นถ้าสยบความขัดแย้งพปชร.ไม่ได้ จะเป็นหัวหน้าทำไม ด้าน“สุชาติ” เชื่อแรงต้าน“พีระพันธุ์”ไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว มั่นใจทุกคนเชื่อมั่นในแนวทาง“บิ๊กป้อม” ขณะที่"สนธิรัตน์"ปัดข่าวดีลพรรคการเมือง ยอมรับสนใจการเมือง “อุตตม”สยบลือ “4 กุมาร”คัมแบ็ก ยันยังไม่จับมือเล่นการเมืองกับใคร “ตร.”รวบ 2 ผู้ต้องหาปาบึ้มใส่ป้อมตร.แยกอโศก จ่อออกหมายจับอีก 1 คน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 ต.ค.64นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่มีแนวคิดในการยุบสภาในวันนี้รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ปัญหาน้ำท่วม ส่วนที่มีการพูดถึงการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกฯ หมายความว่าขอให้ติดตามและดูผลงานการทำงานของรัฐบาลทั้งโครงสร้างพื้นฐานการลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนภายใน 5 ปี เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหรือไม่ และมีความเห็นอย่างไร กรณีที่มีกระแสข่าวการเสนอชื่อบุคคลอื่นในนาม พปชร.เป็นว่าที่แคนดิเดต นายกฯ แข่ง โดย นายธนากร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า “ ผมไม่เห็นได้ยินกระแสข่าวดังกล่าวที่สื่อมวลชนสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนได้กล่าวกันไปเองในเชิงวิเคราะห์ ในเรื่องดังกล่าว ตนฐานะนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ก็ถือว่าจบแล้ว” ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งภายในพรรคพปชร. หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพปชร. ว่า "ไม่มีอะไร ผมตอบไปแล้วไม่มีอะไร ผมจัดการปัญหาได้ทั้งหมด ในพรรคของผม ผมต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นหัวหน้าพรรคทำไม และนายพีระพันธุ์ไม่ต้องเข้าไปสร้างความไว้วางใจกับสมาชิกพรรคฆ” เมื่อถามว่า พรรคพปชร. จะประกาศยุทธศาตร์เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งหน้าเมื่อใด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เดี๋ยวดูก่อน เมื่อถามว่า ระยะหลังพรรคพปชร.ทำโพลเข้มข้นเพื่อประเมินส.ส.ในพื้นที่ภาพรวมออกมาเป็นอย่างไร หัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า ก็แล้วแต่สื่อมวลชนคิด เมื่อถามย้ำว่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "เอาน่า ผมทำแล้วกัน มันเป็นเรื่องของผม จะถามอะไรผมล่ะ" เมื่อถามว่า ส.ส.ในพื้นที่เป็นห่วงเรื่องการเลือกตั้ง เพราะกรรมการสรรหาผู้สมัครส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เพราะตนเป็นคนดูด้วย ไม่ใช่ร.อ.ธรรมนัสดูคนเดียว และตนจะเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะได้สมัครหรือไม่ได้สมัคร ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น แต่สุดท้ายก็ต้องจบที่แนวทางของหัวหน้าพรรคและเชื่อว่าจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นของบางคน ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นและไม่เป็นปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องเล็กและไม่จำเป็นต้องมีการเคลียร์ใจ และเชื่อว่าหลังจากที่หัวหน้าพรรคได้มีการประชุมพรรค ทุกคนก็จะเข้าใจ ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวการดีลร่วมพรรคการเมืองกับกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับการร่วมพรรคการเมืองหรือเตรียมพร้อมลงสนามการเมืองอีกครั้ง แต่ยอมรับว่ามีความสนใจในการทำงานการเมือง เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้ขับเคลื่อนแนวคิดและนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน ส่วนเรื่องตั้งพรรคการเมืองหรือการเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใดนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ ก่อนตัดสินใจ ซึ่งหากมีความชัดเจนแล้ว จะแจ้งให้ทราบให้ทราบอีกครั้ง ด้าน นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่ม 4 กุมาร จับมือกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเพื่อทำงานด้านการเมือง ว่า “ผมและเพื่อนๆ ยังไม่ได้ตกลงที่จะจับมือกับกลุ่มการเมืองใดๆ โดยสำหรับส่วนตัวผม หากเดินหน้าทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ จำเป็นต้องมีความเป็นตัวของตนเอง และที่สำคัญที่สุดคือผมจะทำเพื่อประโยชน์บ้านเมือง ด้วยความจริงจัง และตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายที่จะเดินหน้างานการเมืองภายใต้อุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน” วันเดียวกัน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการเชิงรุกของตำรวจ ในการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการวางกำลังบริเวณแยกดินแดงและโดยรอบ แต่ไม่พบการรวมตัวของกลุ่มที่จะมามาก่อความวุ่นวาย แต่รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบวัตถุต้องสงสัย บริเวณตึกโอภาสแมนชั่น ซอยแสงอุทัยทิพย์ เขตดินแดง จึงเข้าตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่อง 15 ลูก และประทัดบอล 13 ลูก นอกจากนี้ช่วงกลางดึก พบผู้ก่อเหตุ ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ปาระเบิดใส่ป้อมจราจร บริเวณแยกอโศก และเจ้าหน้าที่สามารถตามจับผู้ต้องหาได้ 2 คน อายุประมาณ 19-20 ปี พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ 1 คัน เบื้องต้นให้การว่า จะมาร่วมชุมนุมบริเวณแยกดินแดง แต่ไม่พบมีการชุมนุม จึงเดินทางกลับ และมาก่อเหตุบริเวณจุดเกิดเหตุ สอดคล้องกับการข่าวของตำรวจว่า กลุ่มผู้ชุมนุม มีการระดมเงิน เพื่อมาประกอบระเบิดก่อความวุ่นวาย โดยเตรียมออกหมายจับผู้ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 1 คน