จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง “เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว” โดยในเบื้องต้น จะเริ่มต้นกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ไว้ที่อย่างน้อย 10 ประเทศ ซึ่งจะรวมประเทศ อย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา โดยเราตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ 1 ธันวาคม และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1 มกราคม เราจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น อย่างกว้างขวาง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น สำหรับความคืบหน้าได้มีการประกาศรายชื่อกลุ่ม 10 ประเทศอย่างเป็นทางการ ต้องรอที่ประชุม ศบค.อนุมัติ แต่ประเมินล่วงหน้าได้เลย ศบค.ต้องยึดหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข เรื่องแบ่งกลุ่มประเทศและดินแดน มีความเสี่ยงสูง-กลาง-ต่ำ จากสถานการณ์โควิดโดยใช้ดัชนีชี้วัด 3 ตัว คือ 1. จำนวนผู้ป่วยโควิด ย้อนหลัง 14 วันของประเทศนั้นๆ 2. ใช้ดัชนีการประเมินผลตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International HealthRegulations 2005) โดยผู้เชี่ยวชาญภายนอกประเทศประเมินร่วมกัน 2. ใช้ดัชนีการจัดอันดับประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิดใน 184 ประเทศทั่วโลกขององค์กร GCI Global Advisory Council ด้วยการใช้ Global COVID-19 Index (GCI) จากนั้นเมื่อตรวจสอบลงไปในรายละเอียด การจัดกลุ่มประเทศและดินแดนเสี่ยงต่ำ ที่จัดทำโดยกรมควบคุมโรค ฉบับล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.2564 พบมีประเทศและดินแดนความเสี่ยงต่ำทั้งหมด 27 ประเทศ ดินแดน ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ ศบค. จะทยอยปลดล็อกให้เข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัว มีรายชื่อประกอบด้วย อันดอร์รา, ออสเตรเลีย, บาห์เรน, สาธารณรัฐเช็ก, โดมินิกา, ฮ่องกง, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มาเก๊า, มอลตา, มอลโดวา, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, กาตาร์, ซานมารีโน, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, ไต้หวัน, อุรุกวัย, บาร์เบโดส, จีน, โครเอเชีย ส่วน เยอรมนี แม้อยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงปานกลาง แต่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง ขณะที่ อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา อยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูง แต่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงเช่นกัน