นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นประเด็นทางการเมืองในปัจจุบันนี้ระบุว่า... อยากเป็นนายกฯ กันนัก รู้ปัญหาบ้านเมืองกันแค่ไหน ตำแหน่งนายกฯ หรืออัครมหาเสนาบดีของเมืองไทยน่าจะเป็นกันได้ง่ายกระมังถึงได้มีคนประกาศอยากจะเป็นกันเยอะจัง (เกือบ 10 ท่านแล้ว) นายกฯ ประยุทธ์ผู้ไม่มีพรรคสังกัด (แปลกดี) ประกาศขอเป็นต่ออีก 5 ปี แบบไม่ต้องเกรงใจรัฐธรรมนูญที่ห้ามเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี การตีความง่ายจะตาย วันไหนโปรดเกล้าฯ หรือวันไหนถวายสัตย์ หรือวันไหนเซ็นชื่อตัวเองว่า นายกฯ ท่านเลือกเอาสักอัน แล้วนับหนึ่งเท่านั้นก็รู้ว่าครบกี่ปีแล้ว (อย่าแกล้งทำฉลาดน้อยเลย) คุณลุงป้อมร้องไอ้หยา! เดินไม่ไหวแล้ว แต่ทำไมป้ายต้อนรับทุกจังหวัดไม่เห็นเขียนว่ารองนายกฯ เลย เขียนแต่ชื่อกับพรรค อุบไต๋อะไรครับ ส่วน ป.คนกลางเพิ่งพูดไปแหม็บๆ ว่า ไม่อยากไปไหน เพราะตามธรรมเนียมมหาดไทยต้องมีลูกน้องแห่แหน ปรากฏว่าอาทิตย์ต่อมาไปเยี่ยมขอนแก่นเฉยเลย (สงสัยในใจจัง) พรรค ปชป. เสนอหัวหน้าพรรคก็เป็นไปตามธรรมเนียม แต่ทำไมต้องทำคัตเอาต์ขนาดใหญ่ติดสี่มุมเมือง ประหนึ่งกำลังจะเลือกตั้ง แถมประกาศโป้งป้างแบบฉุนๆ หลังวันถูกแยกสี่กรมไปจากอก (กุศโลบายสำเร็จ เขาคืนมาแล้ว) พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็ต้องประกาศบ้างมิให้น้อยหน้า แต่ไอ้ที่ดูแปลกและครึกครื้นก็คือพรรคประเภทอุแว้ๆ ยังไม่เกิดเลย ดันประกาศจะเป็นนายกฯ แล้ว (ง่ายจังแฮะ) กลุ่มนี้มีพรรคเดียวที่ต้องยกมือให้เพราะเข้าตาคือพรรคของท่านสุภาพสตรีเพราะคะแนนนิยมท่านเป็นลำดับหนึ่ง ถามจริงๆ เถิดครับ อยากเป็นกันนักหนา รู้ปัญหาบ้านเมืองกันเพียงใด แค่ไหน และคิดจะแก้ไขอย่างไร ผมจะสรุปโดยย่อให้ฟังจากการสัมมนาของผู้รู้ทางเศรษฐกิจซึ่งจัดโดยสภาพัฒน์เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อเตรียมการแผนพัฒนาฉบับที่ 13 (เขาไม่เอายุทธศาสตร์ 20 ปีของท่านมาคิดให้ปวดหัวด้วย) 1. ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดใน ASEAN แล้ว (ฝีมือใคร) 2. เศรษฐกิจและสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก (อายหรือดีใจครับ) 3. ความยากจนเพิ่มขึ้น แต่ (มหัศจรรย์!) เศรษฐกิจในภาพรวมและการส่งออกดันขยายตัว (เอาใจเจ้าสัวจังเลย) 4. โคตรโกงเป็นลำดับ 104 ใน 180 ของโลกในขณะที่ปี 2559 ยังอยู่ที่ระดับ 48 หมาดๆ (ผลงานเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งนั้น) 5. ไม่ว่าปัญหาอะไรหากภาครัฐเข้ามาแก้ไขจะมีแต่เจ๊งกับเจ๊า เช่นกรณีโควิดตกมาอยู่ในลำดับที่ 120 ใน 190 ประเทศแล้ว ผู้ป่วยก็มากเป็นลำดับ 20 ของโลก แถมเรื่องน้ำท่วมยิ่งแก้ ยิ่งไปเยี่ยม ยิ่งท่วม (อะไรกันวะ) 6. หนี้สาธารณะบานตะไท เพิ่มขึ้นทุกปี ไม่พยายามรักษาวินัยทางการคลังกันเลย ต่อไปลูกหลานใช้หนี้กันหัวโต ที่ประชุมเขาสรุปกันว่า ตอนนี้คนไทยต้องตะหนักว่า ประเทศมาถึงจุดพลิกผัน จึงต้องการผู้นำดังนี้ (1) ตามโลกให้ทัน (สวดมนต์อย่างเดียวไม่ไหวแน่) (2) รู้ถึงความเร่งด่วนของแต่ละปัญหา (ไม่ใช่ซื้อเรือดำน้ำแน่ๆ) (3) สามารถใช้กลไกของภาคประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ (4) กลุ่ม Elite ที่คุมเศรษฐกิจและการเมืองต้องยอมรับ ที่ประชุมเขาประกาศเปรี้ยงเลยว่า ปัญหาประเทศไทยเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างที่ล้ำลึก ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องตระหนักรู้ถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเศรษฐกิจที่สามารถสร้างคุณค่า และต้องเลือกทางเดินที่ถูก (ตาบอดคลำช้างมาตลอด) ท่านผู้อยากเป็นนายกฯ ทั้งหลาย คิดยังไงครับ ฟังรู้เรื่องไหม แล้วคิดแก้ไขอย่างไร ที่ผ่านมาท่านเพลินมาเพียงพอแล้ว กรุณาถามตนเองว่ามีคุณสมบัติอะไร เหมาะสมเพียงพอไหม สำหรับคำถามหากตอบไม่ได้สักข้อ ก็อยากแนะนำให้อยู่บ้านฟังเพลงเถอะ