ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นตั้งแต่มีโรคโควิด-19 รวมถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) คริปโตเคอเรนซี ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงหวังที่จะใช้โอกาสดังกล่าวนำมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ด้วยแผนระยะสั้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเข้ามาสร้างรายได้กด้านการท่องเที่ยว เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หากมีการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) คริปโตเคอเรนซี หรือโทเค็นเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยอำนวยความสะดวกในการโอน บัตรกำนัลไปสู่ สกุลเงินที่เป็นแพลตฟอร์มของททท. ภายใต้แนวคิด Cryptourism (คลิปทัวริสซึ่ม) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ก็อาจจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศต่างๆ ในโลกของคลิปโต ว่า ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยพร้อมรับ และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ทั้งนี้ได้มีการหารือกับบริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Bitkub) เพื่อร่วมพัฒนาแฟลตฟอร์มซื้อขายสินค้าท่องเที่ยวแบบเดียวกับ Traveloka เพื่อให้เป็นแฟลตฟอร์มของคนไทยสำหรับการใช้จ่ายโดยสกุลเหรียญดิจิทัลได้ รวมถึงโทเค็น ที่อยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต ที่มีระบบฐานข้อมูล ถูกจัดเก็บสิทธิ์ต่างๆ ของผู้ถือไว้อย่างดีบนระบบจัดเก็บที่มีความปลอดภัยสูง โจรกรรมได้ยาก อย่าง บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังสำรวจความเป็นไปได้ของการสร้างโทเค็นยูทิลิตี้ของตัวเอง เพื่อหวังสร้างรายได้จากคริปโต แก้ปัญหาสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้กำลังหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการเปิดตัว คลิปโตทัวริสซึ่มของตัวเอง โดยอยู่ระหว่างการศึกษากฎระเบียบและความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว โดย นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ประเทศไทยต้องเตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เนื่องจากรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถตามทันกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ของโลกได้อีกต่อไป กระตุ้นจีดีพีของประเทศมหาศาล ด้าน นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตเร็วมากในไทยและเป็นเทรนด์ของโลก จาก 4 ปีที่ผ่านมามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 800 พันล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันโตเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าของจีดีพีประเทศไทย ฉะนั้นการดึงกลุ่มคริปโตโนแมด น่าช่วยกระตุ้นจีดีพีของประเทศได้อย่างมหาศาล หากสามารถวางโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเกี่ยวกับดิจิทัลเข้ามารองรับกลุ่มคนชาวคลิปโตให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็จะสามารถทำให้จีดีพีไทยโตได้อีก 4 เท่าตัวจากเดิมที่จีดีพีจะมาจากการท่องเที่ยว 20% ขณะที่ นายจิรายุส ยังกล่าวต่อว่า หลังจากโรคโควิด-19 คลี่คลาย คาดว่า กลุ่มคริปโตโนแมด น่าจะอยากจะมาเมืองไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมือง Workation เหมาะกับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก ดังนั้นทาง ททท. จึงน่าจะสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา เพื่อลิงค์สถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเหมือนกับแพลตฟอร์ม แอร์บีแอนด์บี (Airbnb) ทราเวลโลก้า หรืออโกด้า จากการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยงดาต้าที่มีอยู่ รวมทั้งแนะให้ผู้ประกอบการศึกษาเทรนด์เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปพร้อมปรับธุรกิจรับกับความต้องการลูกค้า ก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก