ในช่วงเวลานี้ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย ค่อนข้างระมัดระวังในการพิจารณาเปิดพรมแดนเพื่อการท่องเที่ยว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอื่น จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่โรงแรมต่างๆจะใช้ช่วงเวลานี้ปรับปรุงการบริการ พร้อมยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะศักยภาพและความยืดหยุ่นด้านการจัดการของคลับเมดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่จะกลับมาเปิดให้บริการ ทั้งในประเทศจีน และ มัลดีฟส์ ตลอดจนถึง อเมริกาเหนือ แคริเบียน และ ยุโรป ซึ่งในปี 2564 การท่องเที่ยวภายในประเทศ ไปยังคลับเมดรีสอร์ตในประเทศจีน เพิ่มขึ้นกว่า 2.5 เท่า และยังเป็นปริมาณการเข้าพักที่มากกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด ในขณะที่คลับเมดรีสอร์ตในมาเลเซีย ก็มีปริมาณการเข้าพักมากกว่า 60 % ในช่วงที่มาเลเซียได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างรัฐ ก่อนการประกาศมาตรการ Movement Control Order (MCO) ครั้งล่าสุด นอกจากความสำเร็จด้านการจัดการรีสอร์ตที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว คลับเมดยังมีรีสอร์ตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และเตรียมเปิดรีสอร์ตเพิ่มเติมเร็วๆนี้ ฌ็อง ชาร์ล ฟอร์ตูล ทั้งนี้ นายฌ็อง ชาร์ล ฟอร์ตูล ประธานกรรมการบริหารรีสอร์ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คลับเมด กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สถานะของคลับเมดยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และพร้อมรับการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและแข็งแรง นอกจากนี้คลับเมดยังเป็นผู้นำเปิดตลาดด้านการท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ อาทิ คลับเมด เซเชลส์ และ คลับเมด ลี่เจียง ซึ่งถือเป็นโครงการพัฒนาล่าสุด ที่คลับเมดได้ลงทุนก่อสร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงโครงการ คลับเมด บอร์เนียว โกตากีนาบาลู ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จากผลสำเร็จของโครงการดังกล่าว รวมถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของ ประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยในปี 2566 คลับเมดจะเปิดรีสอร์ตแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ โกตากีนาบาลู บนเกาะบอร์เนียว อันเป็นความร่วมมือด้านการลงทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โกลเดน แซนด์ บีช รีสอร์ต ซิตี้ (GSBRC) ทั้งนี้ คลับเมดบอร์เนียว โกตากีนาบาลู สร้างบนพื้นที่ราว 104 ไร่ และเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ของรัฐซาบาห์ ที่ขึ้นชื่อด้านความงดงามของธรรมชาติ โดยในปัจจุบันสามารถเดินทางราว 6 ชั่วโมง จากประเทศหลักๆในเอเชีย ด้วยศักยภาพของที่ตั้งของรีสอร์ต รวมถึงการเป็นรีสอร์ตในระดับพรีเมียม จึงน่าจะดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ขณะที่อัตราการเติบโตของคลับเมดแบบปีต่อปี เฉลี่ย 5 % อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแขกเข้าพักคลับเมดรีสอร์ตอย่างต่อเนื่องกว่า 1.4 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 1.7 ล้านยูโร ในปี 2562 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วโลกก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เฉลี่ยที่ 75 % ในรีสอร์ตแถบเอเชียตะวันออกและใต้ และแปซิฟิก ส่วนที่อัฟริกา และยุโรป เฉลี่ยที่ 76 % และรีสอร์ตในอเมริกาเหนือเฉลี่ยที่ 78 % ตั้งเป้าขยายรีสอร์ตเพิ่มในไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ พร้อมหาพาร์ทเนอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รับการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ในช่วง 2 ปีนี้ คลับเมดเปิดรีสอร์ตใหม่ 4 แห่ง ใน 4 ทวีป ได้แก่ คลับเมด ลาโคซิแยร์ ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน ธันวาคม 2564, คลับเมด เซเชลส์ ในเดือน มีนาคม 2564, คลับเมด ลี่เจียง ประเทศจีน ในเดือน กันยายน 2564 และ เร็วๆนี้ คลับเมด ควิเบก ชาร์เลอวัวร์ ประเทศแคนาดา ในเดือนธันวาคม 2564 และพร้อมหาผู้ร่วมลงทุน และพาร์ทเนอร์ เพื่อขยายรีสอร์ตเพิ่มเติมในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้