"รมว.เฉลิมชัย" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่เมืองนนท์ พร้อมกำชับกรมชลฯ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด วันที่ 27 ก.ย.64 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณชุมชมโดยรอบมัสยิดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน และดร.สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย นายธีระพล ตั๊งสมบุญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา และนายวรวิทย์ บุณยเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานทึ่ 11 ร่วมให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน(27 ก.ย. 64) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในเกณฑ์ 2,419 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 2.42 เมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น ก่อนจะไหลลงไปสมทบกับแม่น้ำสะแกกรังและไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 310 ลบ.ม./วินาที พร้อมกับควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 2,500 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้พื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 0.30-1.00 เมตร ในช่วงวันที่ 26–29 กันยายน 2564 ในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ดังนี้ จังหวัดอ่างทอง บริเวณคลองโผงเผง อำเภอป่าโมก ตำบลเทวราช และอำเภอไชโย วัดไชโย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณคลองบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ (แม่น้ำน้อย) จังหวัดชัยนาท บริเวณตำบลโพนางดำ บ้านท่าทราย อำเภอสรรพยา และจังหวัดสิงห์บุรี บริเวณตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี วัดสิงห์ วัดเสือข้าม อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมือง และอำเภอพรหมบุรี สำหรับในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี โครงการชลประทานนนทบุรี ได้ปิดประตูระบายน้ำอาคารชลประทานตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันภาวะน้ำหนุน ที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำในคลองสายต่างๆ พร้อมกับเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยควบคุมการปิด–เปิด ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสมุทรปราการ ตามจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเล เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว ในการนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบน้ำดื่มเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนชุมชนมัสยิดท่าอิฐ ทั้งได้กำชับให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้มากที่สุด