เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 กันยายน รายงานสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งถูกกระแสน้ำกัดเซาะคันดินพังทลายกว้างประมาณ 15 เมตร ส่งผลให้ปริมาณน้ำ 41 ล้าน ลบ.เมตร หรือ 151 % เกินพื้นที่เก็บกัก 27.7 ล้าน ลบ.เมตร ได้ไหลทะลักท่วมพื้นที่ท้ายอ่าง ล่าสุดระดับน้ำทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น แต่คันดินที่พังทลายถูกกระแสน้ำกัดเซาะเรื่อยๆ ทำให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมและพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมได้ขยายวงกว้างรวมทั้งน้ำมีระดับสูงขึ้น อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฮุก.31 โคราช ใช้รถกระบะยกสูงและรถยนต์ขนาดใหญ่บรรทุกอาหาร น้ำดื่มเข้าไปตระเวนส่งให้ผู้ประสบภัยท้ายอ่างฯ ในเขต ต.ค้างพลู และ ต.สำโรง อ.โนนไทย สิ้นสุดที่บ้านนารายณ์ หมู่ที่ 1 ต.สำโรง อ.โนนไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรมากที่สุด ต้องสื่อสารให้ชาวบ้านเดินลุยน้ำออกมารับที่บริเวณทางแยกเข้าหมู่บ้าน หากฝืนเข้าไปทั้งเกิดอันตรายจากแล่นตกทางและน้ำไหลเข้าเครื่องยนต์ ซึ่งมีรถยนต์เสียหลายคัน ด้านนายกฤษฏิ์ พูนเกษม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.จ.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” เคลื่อนผ่านทำให้เกิดฝนตกหนักทำให้พื้นที่ 16 อำเภอ 53 ตำบล 1 เทศบาลนคร (ทน.) 181 หมู่บ้าน 3 ชุมชน ประกอบด้วย อ.ด่านขุนทด อ.เมือง อ.พระทองคำ อ.โชคชัย อ.จักราช อ.คง อ.เทพารักษ์ อ.เสิงสาง อ.สูงเนิน อ.โนนสูง อ.พิมาย อ.ครบุรี อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย อ.โนนไทย และ อ.สีดา ได้รับผลกระทบอุทกภัย โดยมีประชาชนประสบภัยรวม 5,557 ครัวเรือน โรงเรียน 3 แห่ง วัด 6 แห่ง ถนน 152 สาย