สุรินทร์-บรรยากาศอันเป็นบุญกุศลยิ่ง ชาวสุรินทร์ ประกอบพิธีทำบุญแบบอีสานใต้ ร่วมพิธีเซ่นไหว้บุชาบรรพบุรุษคึกคัก ก่อนวันสารทใหญ่ หรือ “ไง เบ็ณฑ์ ธม”ในวันที่ 6 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ที่ขาดไม่ได้คือข้าวต้มมัดใบมะพร้าวที่เป็นอักลักษณ์และขาดไม่ได้
วันนี้ (27 ก.ย.64) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวสุรินทร์ ประกอบพิธีงานบุญประเพณีอีสานใต้ ภาษาพื้นเมืองสุรินทร์ เรียก “ไง เบ็ณฑ์ ธม” ต่างร่วมกันจัดพิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษของตนเอง โดยเฉพาะตามเจดีย์ที่ใส่อัฐิของบรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ในช่วงวันสารทเล็ก ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของ วันที่ 21 กันยา 2564 ที่ผ่านมา โดยในระยะนี้ จะมีพิธี ไงจูนโฎนตา (ไง-จูน-โดน-ตา/แปลว่าวันส่งเครื่องเซ่นไหว้) โดยลูกหลานจะนำเครื่องเซ่นไหว้ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆเงินทองไปมอบให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่อยู่ต่างถิ่น ก่อนที่ครอบครัว ญาติพี่น้องจะรวบรวมเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆมาเซ่นไหว้อัฐิของบรรพบุรุษที่วัดในช่วงนี้
โดยจะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วดังกล่าว ก่อนที่จะถึงวันสารทเขมร ถิ่นสุรินทร์ ไง เบ็ณฑ์ ธม หรือวันสารทใหญ่ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ต.ค.2564 วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 และก่อนวัน ไง เบ็ณฑ์ ธม 1 วัน จะเป็นวัน แซน โฎน ตา (แซน-โดน-ตา) คือวันที่ 5 ต.ค.2564 ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ( ไง ) หมายถึง วัน ( แซน )หมายถึงการเซ่นไหว้ การบวงสรวง บูชา และคำว่า (โฎนตา) หมายถึง ปู่ย่าตายาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว )
โดยเฉพาะบรรยากาศที่วัดพระธาตุเสด็จ 72 พรรษา บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ที่พบว่าบรรดาครอบครัวและเครือญาติของแต่ละครอบครัวต่างพากันนัดหมายนำเครื่องเซ่นไหว้บูชามาเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน น้ำหวาน สุรา ผลไม้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือข้าวต้มมัดใบมะพร้าว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนไทยเชื้อสายเขมรอีสานใต้ชาวสุรินทร์ ที่มักจะพากันห่อข้าวต้มมัดใบมะพร้าว มาเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ ด้วยบรรยากาศที่บุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง
นางบัวเนียม กิ่งแก้ว อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/1 ม.8 บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า พิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ พอถึงวันสำคัญดังกล่าว ครอบครัวและญาติพี่น้องจะนำเครื่องเซ่นไหว้บูชามารวมกันและประกอบพิธีเซ่นไหว้กระดูกอัฐิต่างๆของบรรพบุรุษตายายและญาติพี่น้องที่ล่วงลับ พร้อมทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แสดงออกถึงการรำลึกถึงและความกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษผู้ที่มีพระคุณที่ให้เราเกิดมา
วันนี้ (27 ก.ย.64) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวสุรินทร์ ประกอบพิธีงานบุญประเพณีอีสานใต้ ภาษาพื้นเมืองสุรินทร์ เรียก “ไง เบ็ณฑ์ ธม” ต่างร่วมกันจัดพิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษของตนเอง โดยเฉพาะตามเจดีย์ที่ใส่อัฐิของบรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ในช่วงวันสารทเล็ก ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของ วันที่ 21 กันยา 2564 ที่ผ่านมา โดยในระยะนี้ จะมีพิธี ไงจูนโฎนตา (ไง-จูน-โดน-ตา/แปลว่าวันส่งเครื่องเซ่นไหว้) โดยลูกหลานจะนำเครื่องเซ่นไหว้ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆเงินทองไปมอบให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่อยู่ต่างถิ่น ก่อนที่ครอบครัว ญาติพี่น้องจะรวบรวมเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆมาเซ่นไหว้อัฐิของบรรพบุรุษที่วัดในช่วงนี้
โดยจะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วดังกล่าว ก่อนที่จะถึงวันสารทเขมร ถิ่นสุรินทร์ ไง เบ็ณฑ์ ธม หรือวันสารทใหญ่ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ต.ค.2564 วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 และก่อนวัน ไง เบ็ณฑ์ ธม 1 วัน จะเป็นวัน แซน โฎน ตา (แซน-โดน-ตา) คือวันที่ 5 ต.ค.2564 ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ( ไง ) หมายถึง วัน ( แซน )หมายถึงการเซ่นไหว้ การบวงสรวง บูชา และคำว่า (โฎนตา) หมายถึง ปู่ย่าตายาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว )
โดยเฉพาะบรรยากาศที่วัดพระธาตุเสด็จ 72 พรรษา บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ที่พบว่าบรรดาครอบครัวและเครือญาติของแต่ละครอบครัวต่างพากันนัดหมายนำเครื่องเซ่นไหว้บูชามาเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน น้ำหวาน สุรา ผลไม้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือข้าวต้มมัดใบมะพร้าว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนไทยเชื้อสายเขมรอีสานใต้ชาวสุรินทร์ ที่มักจะพากันห่อข้าวต้มมัดใบมะพร้าว มาเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ ด้วยบรรยากาศที่บุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง
นางบัวเนียม กิ่งแก้ว อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/1 ม.8 บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า พิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ พอถึงวันสำคัญดังกล่าว ครอบครัวและญาติพี่น้องจะนำเครื่องเซ่นไหว้บูชามารวมกันและประกอบพิธีเซ่นไหว้กระดูกอัฐิต่างๆของบรรพบุรุษตายายและญาติพี่น้องที่ล่วงลับ พร้อมทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แสดงออกถึงการรำลึกถึงและความกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษผู้ที่มีพระคุณที่ให้เราเกิดมา