วันที่ 27 ก.ย.64 เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบตามมติของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม แบบสูตรไขว้ ซึ่งอาจใช้หลักการเดียวกับวัคซีนซิโนแวค ทั้งนี้ เนื่องจากยังต้องรอข้อมูลจากผลการวิจัยเพิ่มเติม ตามสูตรดังนี้ 1.ซิโนฟาร์ม-ไฟเซอร์ ระยะห่างระหว่างเข็ม 3 สัปดาห์ 2.ซิโนฟาร์ม-แอสตร้าเซนเนก้า ระยะห่างระหว่างเข็ม 3-4 สัปดาห์ 3.ซิโนฟาร์ม-ซิโนฟาร์ม กระตุ้นด้วย แอสตร้าเซนเนก้า ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป หลังเข็มที่ 2 และ4.ซิโนฟาร์ม-ซิโนฟาร์ม กระตุ้นด้วย ไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป หลังเข็มที่ 2 อย่างไรก็ดี การฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม แบบสูตรไขว้ จึงยังไม่ได้กำหนดเป็นสูตรหลักของประเทศ การใช้สูตรนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนอนุญาตการใช้วัคซีน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามความสมัครใจของผู้รับวัคซีน และดุลยพินิจของผู้ให้บริการ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงแนวการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับประเทศไทย ในระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค. 64 ดังนี้ โดย ต.ค.64 มีแผนการจัดหาวัคซีนหลัก 24 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือก (ซิโนฟาร์ม) อีก 6 ล้านโดส ส่วนพ.ย.64 มีแผนการจัดหาวัคซีนหลัก 23 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือก (ซิโนฟาร์ม) อีก 12.5 และธ.ค.64 มีแผนการจัดหาวัคซีนหลัก 24 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือก (ซิโนฟาร์ม, โมเดอร์นา) อีก 14.5 ล้านโดส ทั้งนี้ หากรวมกับการจัดหาวัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา จะทำให้มีจำนวนวัคซีนที่ใช้ในปี 64 รวมทั้งหมด 178.2 ล้านโดส แบ่งเป็น วัคซีนหลัก 126.2 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือก 52 ล้านโดส โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าในการเจรจาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต่อจากสหภาพยุโรป โดยกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า มีประเทศในสหภาพยุโรปที่มีวัคซีนโควิด และพร้อมจะขายต่อ ได้แก่ 1.สเปน มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1.65 แสนโดส ราคาโดสละ 2.9 ยูโร และวัคซีนไฟเซอร์ 2.78 ล้านโดส ราคาโดสละ 15.5 ยูโร และ2. ฮังการี มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 4 แสนโดส ราคาโดสละ 1.78 ยูโร สำหรับราคาวัคซีนดังกล่าวข้างต้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าบรรจุภัณฑ์และที่ควบคุมอุณหภูมิ, ค่าขนส่งทั้งระหว่างประเทศ และภายในประเทศไทย, ค่าภาษีศุลกากรขาออก-ขาเข้า, ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าประกันความเสียหาย โดยในที่ประชุม ศบค.ก็เห็นชอบตามแผนนี้ในการให้จัดหาวัคซีน และให้นำเข้า ครม.เพื่อเสนอของบประมาณต่อไป ขณะที่เป้าหมายและแผนการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. 64นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในกรณีที่มีการจัดหาวัคซีนหลักได้ครบตามแผน 126.2 ล้านโดส ประชากรไทยจะได้รับวัคซีนทั้งหมด 62 ล้านคน คิดเป็นครอบคลุม 90% ของจำนวนประชากร 70 ล้านคน โดยเป้าหมายการฉีดวัคซีนภายในปี 64 เข็มแรก ต้องครอบคลุมอย่างน้อย 70% ในเดือนพ.ย. และ 80% ในเดือนธ.ค. ส่วนเข็มสอง ต้องครอบคลุมอย่างน้อย 70% ภายในเดือนธ.ค. รวมทั้ง ให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม และผู้เคยติดเชื้อโควิดมาแล้ว ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น 1 เข็ม โดยมีแผนการจัดสรรให้มีผู้ได้รับการกระตุ้นเดือนละ 1-2 ล้านโดส ตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค.64