นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ระบุว่า...พระมหาไพรวัลย์นาคหลวงรูปสุดท้ายในรัชกาลที่ 9 1. เมื่อวานนี้ พระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์มาเยี่ยม ได้สนทนากัน เกี่ยวกับลีลาการสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนตามสถานการณ์ และอัชฌาศัยผู้ฟัง จากนั้นก็จะทรงดึงเข้ามายังพุทธธรรม และแสดงอริยสัจ และได้มอบหนังสือ"ศาสดาปฏิภาณ" ซึ่งท่านบุศย์ ขันธวิทย์ อดีตประธานสภากรรมการสำนักธรรมนิติ ซึ่งเป็นสหายในธรรมของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรได้แต่งขึ้นเมื่อ50ปีก่อน เป็นเรื่องวิธีและลีลาตรัสสอนของพระพุทธเจ้า ให้ท่านรับไปพิจารณาศึกษา 2.พระมหาไพรวัลย์เล่าให้ฟังว่า ท่านเป็นลูกชาวบ้านยากจน ไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน จึงได้อาศัยร่มเงาพุทธศาสนา บวชเป็นสามเณร ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง ครั้นถึงเกณฑ์สอบนักธรรม และเปรียญธรรม ท่านก็สอบได้นักธรรมเอกรวดเดียว และสอบรวดเดียวได้เปรียญธรรม 9 ประโยคตั้งแต่ยังเป็นสามเณร 3.เมื่อท่านสำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค ตั้งแต่เป็นสามเณร ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รับเป็นนาคหลวง และเป็นเจ้าภาพอุปสมบทที่วัดพระแก้ว ท่านเป็นลูกชาวบ้านยากจน ไม่เคยคิดว่า จะมีโอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณอนุเคราะห์เป็นเจ้าภาพงานบวชเป็นนาคหลวงในขณะที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ทรงประชวร ในการนั้นท่านก็ได้รับธุระประกาศพระพุทธศาสนา นับเป็นนาคหลวงรูปสุดท้ายในรัชกาลที่ 9 ท่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และทราบซึ้งใจที่สุดในชีวิตและตั้งใจสนองพระเดชพระคุณตามที่ทรงอาราธนา เสร็จการแล้ว ทรงโปรดให้รถยนต์หลวงเชิญเครื่องอัฐบริขารที่ทรงพระราชทาน และรับพระมหาไพรวัลย์ไปส่งถึงวัด พระมหาบอกว่า ในการเทศนาของท่าน บางครั้งท่านก็ติเตียนการสร้างกรรมทำชั่วของนักการเมืองผู้มีอำนาจ แต่ท่านยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ คิอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระมหาบอกว่า บ้านเมืองทุกวันนี้มีความแตกแยกอย่างมากโดยเฉพาะคนต่างวัย พูดจากันไม่รู้เรื่อง เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องพูดจากันให้เข้าใจ โดยอาศัยหลักพุทธธรรม และชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงนำความมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความสามัคคี ปองดองภายในชาติ