“วิษณุ” แจง ใช้ ม.44 ออกคำสั่งหัวหน้าคสช. โยน “กรมบังคับคดี” มีหน้าที่ยึดทรัพย์โครงการจำนำข้าว เหตุความเสียหายมีจำนวนมโหฬาร กระทรวงโอดทำไม่ไหว เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 14 ก.ย. 59 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 56/2559 เรื่องการคุ้มครองการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในการดูแลของรัฐ และการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด ว่า เดิมทีมีการคุ้มครองอยู่แล้ว แต่คำสั่งนี้เป็นการเพิ่มพืชอีก 2 ชนิด คือมันสำปะหลัง และข้าวโพด จึงต้องคุ้มครองให้ได้มาตรฐานอย่างเดียวกัน โดยจะไม่มีการใช้มาตร 44 ไปตัดสิน หรือยึดทรัพย์ใครเป็นอันขาด ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ติดตรงที่การออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องข้าว กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวก ซึ่งหลักการปกติเป็นหน้าที่ของกระทรวงต้นสังกัดที่รับผิดชอบที่ต้องยึดทรัพย์กันเอง แต่ครั้งนี้เป็นการยึดทรัพย์จำนวนมาก ทางกระทรวงจึงออกปากบ่นว่าไม่มีคน และหากยึดมาได้ไม่มีที่จะเก็บ จึงต้องให้กรมบังคับคดีเข้าไปจัดการ ดังนั้น จึงต้องใช้มาตรา 44กำหนด แต่ไม่ใช่ว่าใช้มาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ แต่ยึดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 ที่เปลี่ยนจากกระทรวงมาเป็นกรมบังคับคดี ส่วนจะยึดได้มากหรือน้อยเพียงใดเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ผู้สื่อข่าวถามว่า การยึดทรัพย์นายบุญทรง กับพวก งวดเข้ามาแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่ถึงขั้นออกคำสั่งในเวลานี้ และเมื่อออกคำสั่งแล้วจะต้องดูว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ หากเป็นคำสั่งของรัฐมนตรีจะไม่สามารถอุทธรณ์ได้ เรื่องจึงจะไปที่ศาลปกครองเลย และหากศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราวการยึดจะไม่เกิดขึ้น แต่จำเป็นต้องตั้งเจ้าหน้าที่เอาไว้ เพราะเมื่อรู้ผลของคดีแล้วจะมีการยึดทรัพย์จริง กรมบังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การออกคำสั่งหัวหน้าคสช. ไม่มีผลต่อการพิจารณาของศาลปกครอง เพราะศาลปกครองจะดูในส่วนเหตุของการรับผิด และการรับผิดนั้นเป็นมูลค่าความเสียหายตามเวลาขณะนั้นหรือไม่ รวมทั้งดูวิธีพิจารณาอื่นๆ เช่น การตรวจสอบ ไต่สวน เป็นธรรมหรือไม่ “นี่เป็นบทเรียน ถามว่าทำไมพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ถึงไม่ได้กำหนดหน่วยงานที่จะยึดทรัพย์ไว้ นั่นเพราะคิดว่าหน่วยงานใครหน่วยงานมันให้ยึดทรัพย์กันเอาเอง ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีการยึดอะไรใหญ่โตมโหฬาร เพราะลำพังแค่ 10 – 20 ล้าน เขายึดได้ แต่เรื่องข้าวนั้นเป็นการยึดค่าเสียหาย ซึ่งต้องดูละเอียดมาก มืออาชีพมีอยู่แค่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กับกรมบังคับคดี แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการฟอกเงิน จึงไม่ใช่หน้าที่ของปปง. เพราะชื่อกรมบังคับคดีก็บอกแล้วว่ามีหน้าที่ไปยึดทรัพย์ แม้จะมีคนบอกว่ามีอำนาจยึดทรัพย์เฉพาะที่ศาลสั่ง ถ้าหัวหน้าคสช.สั่งจะตกไป เราจึงออกมาตรา 44”นายวิษณุ กล่าว รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ที่เอาผิดผู้คุมนโยบายก่อน เพราะผู้คุมนโยบายถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลก่อน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องรัฐบาลได้ดำเนินการอยู่ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ส่วนการเรียกค่าเสียหายกับผู้ควบคุมนโยบายแทรกแซงมันสำปะหลัง และนโยบายแทรกแซงข้าวโพด ไม่ทราบว่าเรื่องไปถึงไหน เพราะไม่เหมือนกับโครงการรับจำนำข้าว แต่จะหนักไปตรงที่นำผลิตภัณฑ์การเกษตรเข้ามาและเกิดความเสียหาย เนื่องจากระบายไม่ทัน อย่างค่าเสียหายในนโยบายแทรกแซงมันสำปะหลังจะอยู่ที่ 300 – 400 ล้านบาทเท่านั้น