สุดเวทนา! ตำรวจ ทหาร ปกครองบุรีรัมย์ จับยายวัย 61 ปี ชาว อ.สตึก นั่งขายยาบ้าอย่างโจ๋งครึ่ม ภายในบ้านพักที่อยู่ในชุมชนแออัด ยึดของกลางร่วม 600 เม็ด อ้างต้องการหาเงินเลี้ยงหลาน 6 คน เผยทั้งหมดล้วนเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง เมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผกก.หัวหน้า ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ นายพิชัย โชติเชื้อวงค์ ปลัดอำเภอสตึก พร้อมกำลังตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,ชปส.ร้อย ตชด.215 , ชปส.ร้อย ตชด.216 ,เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว ขกท.ศปก.ทบ.(มว.ขกส.2, ขกท.กกล.สุรนารี), ชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรนารี , เจ้าหน้าที่ทหาร สขว.กอ.กรมน. , ฝ่ายปกครองอำเภอสตึก และตำรวจทางหลวง 2 กก.6 บก.ทล. ได้ทำการควบคุมตัว น.ส.สมควร หรือยายข่อ แดงบุญเรือง อายุ 61 ปี อยู่หมู่บ้านชาวประมง หรือชุมชนคุ้มมูล หมู่ที่ 2 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางธนบัตรที่ล่อซื้อ และยาบ้า จำนวน 3 ถุง รวมทั้งสิ้นจำนวน 595 เม็ด มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม ยังที่ทำการชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์) ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่า ที่หมู่บ้านชาวประมง หรือชุมชนคุ้มมูล ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แห่งนี้ ซึ่งเป็นชุมชนแออัด มีที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เป็นแหล่งมั่วเสพทั้งเสพและจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เคยทำการปิดล้อมตรวจค้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็คว้าน้ำเหลวแทบทุกครั้ง ได้เพียงผู้เสพ เนื่องจากส่วนใหญ่จะไหวตัวทัน อีกทั้งเป็นชุมชนแออัด การเดินทางเข้าลำบาก เมื่อมีบุคคลแปลกหน้าเข้าไปในชุมชน ก็จะเป็นที่สังเกตจึงทำให้ยากต่อการจับกุม โดยครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า สามารถเข้าไปซื้อยาบ้าผู้หญิงคนหนึ่งได้ ทราบเพียงชื่อเล่นว่า ยายข่อ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ โดยสามารถนำเงินสดมาซื้อได้โดยตรงกับยายข่อเลย เพราะยายข่อแกจะนั่งขายยาบ้าอยู่ที่บ้านของแกตามปกติ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางแผนให้สายลับ นำเงินเข้าไปล่อซื้อยาบ้าจำนวน 1 ถุง จำนวน 195 เม็ด จากนั้นได้มีการติดต่อซื้อขายและส่งมอบยาบ้ากับเงินสดแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่ซุ่มดูอยู่ได้เข้าแสดงตัวจับกุม ทราบชื่อยายข่อ ต่อมาภายหลังคือ น.ส.สมควร แดงบุญเรือง อายุ 61 ปี และพบเงินสดล่อซื้ออยู่ในกระเป๋าวางอยู่บนที่นอนภายในบ้าน จึงทำการตรวจสอบ พบว่า มีหลายเลขตรงกันจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกันนี้ น.ส.สมควร หรือยายข่อ ยังได้รับสารภาพด้วยว่า ยังมียาบ้าอยู่อีก 2 ถุง หรือจำนวน 400 เม็ด ที่ตนเองได้เก็บไว้อยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านการเคหะสตึก ที่ตนเองอาศัยอยู่กับลูกสาว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำตัวไปตรวจสอบ พบยาบ้าจำนวนดังกล่าวอยู่จริง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน แล้วนำตัว น.ส.สมควร หรือยายข่อ พร้อมของกลางทั้งหมด มาสอบสวนเพิ่มเติม ที่ทำการชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขยายผลถึงตัวเจ้าของยาบ้า แต่เจ้าของยาบ้าได้ไหวตัวทัน และหลบหนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม น.ส.สมควร หรือยายข่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งทำการสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สตึก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ทั้งนี้ ขณะเข้าจับกุม ยังพบว่า มีหลานชายของ น.ส.สมควร หรือยายข่อ ที่ป่วยพิการนอนอยู่บนบ้าน ส่วนหลานคนอื่นได้วิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่ง น.ส.สมควร หรือยายข่อ อาศัยอยู่ในบ้าน 2 หลัง โดยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่กับหลานๆ ทั้ง 6 คน ในบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านชาวประมง และบางวันก็ไปนอนอยู่กับลูกสาวที่หมู่บ้านการเคหะสตึก น.ส.สมควร หรือยายข่อ ให้การยอมรับสารภาพว่า เริ่มขายยาบ้ามาได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เพื่อหาเงินมาไว้เลี้ยงหลาน ที่มาอาศัยอยู่กับตน จำนวน 6 คน ซึ่งหลานทั้งหมดล้วนเป็นเด็กกำพร้า ที่พ่อแม่แยกทางกัน แล้วนำมาทิ้งไว้ให้ตนเลี้ยง เป็นชาย 3 คน โดยผู้ชายคนโตอายุ 22 ปี ป่วยพิการ คนกลางอายุ 19 ปี และคนเล็กอายุ 4 ขวบ ส่วนผู้หญิงอีก 3 คน โดยมีอายุ 19 ปี เรียนอยู่ชั้นปี 1 อายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม. 6 และอายุ 12 ปีเรียนอยู่ชั้น ม.1 ซึ่งตนหาเลี้ยงเด็กทั้ง 6 คน โดยการหารับจ้างทั่วไป ประกอบกับไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และเห็นบางคนที่อยู่ในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ มีรายได้ดีจากการขายยาบ้า ตนจึงไปซื้อยาบ้าจากคนในหมู่บ้านชาวประมง แล้วนำมาแบ่งขายต่อให้กับวัยรุ่นและคนทั่วไป ที่เข้ามาหาซื้อยาบ้าในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ โดยตนจะซื้อมาครั้งละ 5 ถุง นำมาแบ่งขายต่อได้กำไรถุงละ 500 บาท ทำมานานกว่า 2 เดือนแล้ว จนมาถูกจับกุม ซึ่งตนขายยาบ้าอย่างเดียว และไม่เสพยาบ้า สูบแต่บุหรี่เท่านั้น ส่วนเงินที่ได้ก็นำมาใช้จ่ายในครอบครัว