วันที่ 8 กย. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. สั่งการ พ.ต.ต.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุม น.ส.เสาวรส คำอาบ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1465/2564 ลงวันที่ 8 ก.ย. 2564 ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” โดยจับกุมที่ บริเวณด้านหน้าคอนโดเดอะคาบาน่า ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหารายนี้ได้ใช้เพจเฟสบัญชีชื่อ “สมจิตร”โดยได้นำภาพสินค้าหลากหลายอย่างมาลงขายในช่องมาเก็ตเพลส (Marketplace ) ซึ่งปัจจุบันได้ปิดแล้ว โพสต์ประกาศขายอุปกรณ์ติดตามสิ่งของ หรือ Apple AirTag ผ่านทางช่องทางดังกล่าว ในราคา 590 บาท ซึ่งราคาตลาดทั่วไปขายกันอยู่ที่ 990 บาท ผู้เสียหายที่สนใจ จึงติดต่อผู้ขายผ่านห้องสนทนาข้อความ (Messenger) โดยผู้เสียหาย กับผู้ต้องหาตกลงซื้อขายอุปกรณ์ติดตามสิ่งของ หรือApple AirTag จำนวน 1 ชิ้น ราคา 500 บาท ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งว่าจะจัดส่งสินค้าให้ผู้เสียหาย ในวันถัดไป และได้แจ้งบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 068-3-85950-8 ชื่อบัญชี น.ส.เสาวรส คำอาบ หลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินไปแล้วปรากฏว่าไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อแต่อย่างใด สอบถามไปยังเพจเฟซบุ๊กของผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงตลอด จากนั้นได้ปิดเพจเฟซบุ๊กหลบหนีไปทำให้ให้รับความเสียหาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเห็นว่าพฤติการณ์การกระทำของผู้ต้องหาจะอาศัยว่ายอดความเสียหายมีจำนวนไม่มาก โดยการหลอกเหยื่อขายสินค้าในราคาไม่เกิน 500 บาท เมื่อผู้เสียหายที่สั่งซื้อสินค้าและไม่ได้รับสินค้าส่วนมากก็จะปล่อยเลยไปไม่ติดใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เนื่องจากจำนวนเงินน้อยการกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวถือว่าเป็นภัยต่อสังคมจึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญาเพื่อหยุดพฤติการณ์การกระทำของผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวและเส้นทางการทำธุรกรรมการเงินบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของผู้ต้องหาพบว่าเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2564 และพบว่าตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน (6 ก.ย.2564) มีเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 7 ล้านบาท หลังจากที่เจ้าหน้าตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จากการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าไม่มีงานทำ จึงได้หลอกลวงขายสินค้าผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและใช้จ่ายทั่วไป จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว 2 คดี คือ 1.ความผิดฐานฉ้อโกงและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ศาลพิพากษาจำคุก เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2559 ถึง วันที่ 5 พ.ย.2560 2.ความผิดฐานฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ศาลพิพากษาจำคุก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2563 ถึง วันที่ 28 ส.ค.2563 ผบก.ปคบ.ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนในการเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ตรวจสอบผู้จำหน่ายสินค้า มีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องหรือไม่ จดทะเบียนเมื่อไร มีสถานที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ใด มีการประกอบการจริงหรือไม่ มีการรับประกันสินค้าหรือไม่ ตรวจสอบตัวสินค้าว่าไม่โฆษณาเกินความจริง มี อย.,มอก. และราคาไม่แพงหรือถูกจนเกินไป และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับสินค้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน 1135, ศูนย์รับเรื่องรวมร้องทุกข์ บก.ปคบ., เพจเฟซบุ๊ก “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค” และ เว็บไซต์ www.cppd.go.th