เรียนรู้พระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการ (จบ) สำหรับพระราชดำริด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการ โรงงานแขนขาเทียมพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งขึ้น เพื่อให้บริการอวัยวะแขนขาเทียมสำหรับทหารพิการ ทั้งนี้ ในระหว่างฝึกหัดการใช้อวัยวะแขนขาเทียม และฟื้นฟูสมรรถภาพ จะได้พิจารณาตามความถนัดและความต้องการของผู้ป่วย เพื่อฝึกอาชีพต่อไป โดยได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพให้แก่ทหารผ่านศึกพิการภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎด้วย งานคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเจ็บป่วยที่ยากจน ซึ่งทรงพบในระหว่างเสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่หน่วยแพทย์พระราชทาน หน่วยแพทย์ที่ตามเสด็จฯ แพทย์หลวงหรือผู้แทนพระองค์พบ หรือมีหนังสือมาขอพระราชทานความช่วยเหลือในด้านการรักษาทั่วไป ให้ความช่วยเหลือจัดส่งคนไข้เข้าโรงพยาบาลและติดตามผลระยะยาวไปจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธิสายใจไทยเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2518 เพื่อช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บหรือพิการจากการปฏิบัติราชการสนามทั่วประเทศ เยี่ยมเยียนให้กำลังใจในระหว่างการรักษา ช่วยติดตาม ทวงถามสิทธิราชการให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิล่าช้า สอบถามทุกข์สุข ให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพหรือการศึกษาแก่ทหารพิการและครอบครัว มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและสำหรับผู้บาดเจ็บทุพพลภาพให้รับเป็นรายเดือนตลอดชีวิต งานฎีการ้องทุกข์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากเฝ้าคอยรับเสด็จฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาอยู่เสมอ จนปัจจุบันยังคงมีราษฎรจำนวนมากทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาผ่านสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประสานหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนั้นๆ ตรวจสอบข้อมูล หากพบว่า ราษฎรเดือดร้อนก็จะทรงให้ความช่วยเหลือ ช่วยคลี่คลายปัญหาหรือบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้งขึ้นสืบเนื่องจากมหาวาตภัยพายุโซนร้อน “แฮเรียต” ที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2505 มีผู้เสียชีวิตมากมายและทำความเสียหายให้แก่ภาคใต้ถึง 12 จังหวัด ทรงห่วงใยผู้ประสบภัยและทรงติดต่อขอเครื่องบินจากกองทัพอากาศให้กรมประชาสงเคราะห์เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน รวมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อส. พระราชวังดุสิต ประกาศเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์และสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยทรงรับและพระราชทานสิ่งของด้วยพระองค์เองด้วย นับเป็นการใช้สื่อวิทยุในกิจการลักษณะนี้เป็นครั้งแรก หลังจากทรงให้ความช่วยเหลือในครั้งนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานเงินบริจาคส่วนที่เหลือ 3 ล้านบาท ให้เป็นทุนประเดิมก่อตั้ง “มูลนิธิราชประชานุเคราะห์” โดยทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ราษฎรที่ประสบสาธารณภัยทั่วประเทศ และให้การสงเคราะห์ ด้านการศึกษาแก่ลูกหลานผู้ประสบภัย ผ่านการพระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีเยี่ยมในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และเด็กกำพร้าหรืออนาถาที่ครอบครัวประสบสาธารณภัยทั่วประเทศ รวมทั้งใช้เป็นทุนในการบูรณะซ่อมแซมและปรับปรุงโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ฯ ตามความเหมาะสมด้วย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระเมตตาและทรงตระหนักถึงความสำคัญของการให้ว่าเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานที่งดงามของคนไทย ดังพระราชดำรัสพระราชทานเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่วันที่ 31 ธันวาคม 2545 ความตอนหนึ่งว่า “...คุณธรรม ข้อหนึ่งที่ยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์ในจิตใจของคนไทยก็คือ การให้ การให้นี้ไม่ว่าจะให้สิ่งใด แก่ผู้ใดโดยสถานใดก็ตาม เป็นสิ่งที่พึงประสงค์อย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญ ระหว่างบุคคลกับบุคคลและให้สังคมมี ความมั่นคงเป็นปึกแผ่นด้วยสามัคคีธรรม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร ในยามที่ราษฎรประสบกับความทุกข์ยากเสมอมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนที่สุด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีแก่ราษฎรและนับเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของพสกนิกรชาวไทยโดยแท้ ที่ได้เกิดมาในใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย