เมื่อวันที่ 13 ก.ย. เวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 77 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย.นี้ โดยจะมีการแถลงร่างปฏิญญาการประชุมระดับสูง รวมถึงการประชุมเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานของผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน จะมีการแสดงเจตนารมณ์ของนานาประเทศในการจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นการริเริ่มของสหประชาชาติ โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีการคัดกรองเอกสารปฏิญญาทางการเมือง เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ของหน่วยงานระดับสูงของแต่ละประเทศที่เข้าร่วม โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ส่วนการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่ม และมีนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นเจ้าภาพร่วมในการประชุม ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีประเทศที่รับเชิญเข้าร่วมประมาณ 30-40 ประเทศ เพื่อหารือและแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการบริหารจัดการวิกฤติการณ์เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่นับวันยิ่งมีความรุนแรง และเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับจะผู้เข้าร่วมการประชุมนายบารัค โอบามา จะเป็นผู้ส่งคำเชิญให้กับผู้นำประเทศที่เห็นว่ามีบทบาทสำคัญ และมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหา และประเทศไทยก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย รองโฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า สำหรับร่างคำมั่นของประเทศไทยที่จะประกาศในการประชุมครั้งนี้ จะมีการพูดถึง การออกกฎหมายหรือออกพระราชบัญญัติในการป้องกันปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลสูญหายเพื่อเสริมสร้างการนำไปสู่การไม่ส่งบุคคลไปสู่อันตราย การจัดระบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพเพื่อคัดแยกผู้ลี้ภัยจากประเทศต้นทางจากผู้แสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยท่าทีของรัฐบาลไทย จะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ประเทศต้นทาง เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานและการลี้ภัยที่ต้นเหตุอย่างยั่งยืน เพราะเราไม่ได้เป็นประเทศต้นทาง ไม่ได้เป็นประเทศปลายทาง แต่เป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง รวมถึงสนับสนุนการจัดการโยกย้ายถิ่นฐานที่มีลักษณะผสมของผู้ลี้ภัยกับผู้ย้ายถิ่นฐาน ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจอื่นๆ และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ แบ่งเบาภาระในการบริหารจัดการปัญหา สนับสนุนการให้ความคุ้มครองแก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานกลุ่มเปราะบาง ผู้หญิง เด็ก รวมถึงสนับสนุนให้ประเทศผู้รับต่างๆ รับผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้น เ