นางออง ซาน ซูจี รัฐมนตรีต่างประเทศ และประธานที่ปรึกษาแห่งรัฐบาลเมียนมา มีกำหนดจะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ โดยถือเป็นการเยือสหรัฐฯ ครั้งแรกของเธอ นับตั้งแต่พรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ชนะการเลือกตั้งทั่วไป เข้ามาเป็นรัฐบาลตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มตัวหลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารมานานหลายทศวรรษก็ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามาที่มีต่อประเทศแห่งนี้ด้วย โดยนายซอว์ เตย์ โฆษกสำนักงานที่ปรึกษาแห่งรัฐ เปิดเผยว่า การเดินทางครั้งนี้นางซูจี คาดหวังจะได้มาซึ่งการสนับสนุนของสหรัฐฯ ในด้านเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารที่ผิดพลาด และการโดดเดี่ยวตนเองมาช้านานในยุคการปกครองโดยทหาร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้พรรคเอ็นแอลดีได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งปีที่ผ่านมา รวมทั้งจะหารือเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงมาตรการแซงก์ชั่น หรือคว่ำบาตร ทั้งนี้ นายซอว์ เตย์ ระบุว่า ประชาชนชาวเมียนมามีความคาดหวังสูงอย่างมากในขณะนี้ เพราะการพัฒนาทางเศรษฐกิจจะเป็นสัญญาณที่เข้มแข็งในการก้าวไปข้างหน้าของกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งเมียนมาต้องการการสนับสนุนทางเทคนิคอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงิน และเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับแซงก์ชั่นก็จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกมาหารือด้วย แม้ว่าจะยังไม่สามารถหวังได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ภายในระยะเวลาอันใกล้ก็ตาม นอกจากนี้ ในระหว่างการพบปะหารือกับประธานาธิบดีโอบามา รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศ และบรรดาแกนนำในสภาคองเกรส รวมทั้งวุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน ของพรรครีพับลิกัน นางซูจีจะขึ้นกล่าวถึงความท้าทายด้านอื่นๆ ของรัฐบาลปัจจุบันด้วย