เริ่มต้นฟาดแข้งฤดูกาลใหม่ 2021-22 ไปแล้ว! ในการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของทวีปยุโรป แน่นอนว่าก่อนเปิดซีชั่นใหม่ สโมสรดังในลีกต่างๆต้องมีการซื้อขายนักเตะระดับ "เวิลด์คลาส" มาเสริมแกร่งให้กับทีมตัวเอง เพื่อลุ้นแชมป์ในประเทศ และในระดับทวีป นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับสโมสรอีกด้วย ล่าสุด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ที่เพิ่งซื้อตัวนักเตะดัง อย่าง "จาดอน ซานโช" มาจากทีม"เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในลีกบุนเดสลีกา ประเทศเยอรมัน ด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,360 ล้านบาท และ "ราฟาเอล วาราน" จากทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ในลีกลาลีกา ประเทศสเปน ที่ค่าตัวเบื้องต้น 34 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,565 ล้านบาท โดยฟอร์มนัดเปิดสนามของ "ปีศาจแดง" ทำได้อย่างยอดเยี่ยม หลังเปิดบ้านโอลด์ แทรฟเฟิร์ด เอาชนะ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด 5-1 ส่งผลให้หุ้นของสโมสรที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange (NYSE) ประเทศสหรัฐอเมริกา ดีดขึ้นจากจุดต่ำสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ราคา 14.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 481.63 บาท) ขึ้นมาเป็น 17.00 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 564.67 บาท) ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 25 วัน นั่นเท่ากับว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 15 %เนื่องจากบรรดานักลงทุนเชื่อว่าปีนี้ทีมภายใต้การนำของ "โอเล กุนนาร์ โซลชาร์" ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ จะสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ยังไม่พอ "ปีศาจแดง" ยังเตรียมยื่นข้อเสนอ 26 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,148 ล้านบาท) เพื่อขอซื้อตัว "มาร์เซโล โบรโซวิช" กองกลางทีมชาติโครเอเชียของ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน แชมป์กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาลล่าสุด มาสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ ส่วนทีม"ปารีส แซงต์ แชร์กแมง" สโมสรดังในลีกเอิง ประเทศฝรั่งเศส ที่สามารถคว้าตัว "ลิโอเนล เมสซี" ยอดดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 6 สมัย ที่แยกทางกับทีม"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ได้ทำการขายเสื้อแข่งขันเบอร์ 30 ซึ่งขายหมดภายใน 24 ชั่วโมง จำนวน 832,000 ตัว คิดเป็นเงิน 133 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,227 ล้านบาท ซึ่งแทบจะชดเชยกับตัวเงินค่าเหนื่อยที่เมสซีเซ็นสัญญา 2 ปี แต่เมื่อลองพิจารณาถึงสัญญาระหว่าง"ไนกี้" ผู้ผลิตกับทีมฟุตบอล ที่ต้องแบ่งยอดขายให้ 7% เท่ากับว่าปารีสฯ ที่ขายเสื้อเมสซีได้ จะได้ส่วนแบ่งยอดขาย แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะปารีสฯ เซ็นสัญญากับ ไนกี้ แบรนด์ระดับโลกในฐานะสปอนเซอร์ชุดแข่งเมื่อปี 2019 ซึ่งได้เงินสนับสนุนปีละ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,128 ล้านบาท) ถึงปี 2032 ทว่าข้อตกลงคือยอดขายเสื้อทั้งหมด เช่นเสื้อของ เนย์มาร์, คีเลียน เอ็มบัปเป หรือคนอื่นๆ ไนกี้ จะได้ฝ่ายเดียว ซึ่งคนภายนอกอาจมองว่าบอร์ดบริหารของปารีสฯ จะมีรายได้จากยอดขายเสื้อของแข้งบัลลงดอร์ 6 สมัย ที่ออร์เดอร์กันถล่มทลาย สำหรับเสื้อปกติ และเสื้อเกรดเพลเยอร์ ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่าปารีสฯ อาจขอเจรจากับ ไนกี้ เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเรื่องสัญญาใหม่ให้พวกเขาได้รายรับจากยอดขายเสื้อของ เมสซี บ้าง นอกจากนี้ "เชลซี" ทีมเศรษฐีของเกาะผู้ดีที่ดึง "โรเมลู ลูกากู" อดีตเด็กเก่ากลับมาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวสูงเกือบ 100 ล้านปอนด์ รวมทั้ง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตลาดซื้อขายรอบนี้ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะหลายๆ คนแบบที่แล้วมาแต่เป็นการทุ่มซื้อคนเดียว คือ "แจ็ค กรีลิซ" ซึ่งนับเป็น สถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษ ส่วน"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เกน คลอปป์ ในซีซั่นนี้ ไม่มีผู้เล่นเข้ามาให้ฮือฮาแบบตลาดครั้งก่อนๆ มีเพียงแค่ "อิบราฮิมา โกนาเต" เพียงคนเดียวในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก โดยสาเหตุที่ไม่มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเหมือนตลาดรอบก่อนเป็นเพราะว่า เหล่าบรรดาแข้งดังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ ที่เจ็บยาวมาจากซีซั่นก่อน ก็ได้กลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมลงในซีซั่นนี้แล้ว