TOA ผู้นำสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้างครบวงจร ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปี 64 เติบโตต่อเนื่อง ด้วยการรุกตลาดวัสดุก่อสร้างช่วยเสริมการเติบโต และแรงสนับสนุนจากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน เสริมกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มรับมือโควิด-19 นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มียอดขาย 4,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 12% (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ในขณะที่ยอดขายสำหรับงวดครึ่งปีแรก เป็นเงิน 8,918 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 10% จากการเติบโตของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้งจากสีทาอาคาร เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยิปซั่มบอร์ด แม้ราคาวัตถุดิบจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นตั้นของบริษัทปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ด้วยความสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรก เป็นเงิน 1,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่วนกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/2564 เป็นเงิน 544 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 8% ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทยอยปรับราคาขายสินค้าให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้น คาดว่ากำไรขั้นต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3 ภายหลังการปรับราคาแล้วเสร็จ ขณะที่บริษัทมีกำไรต่อหุ้นสำหรับงวดครึ่งปีแรก 0.60 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากงวดครึ่งแรกของปีก่อนซึ่งมีกำไรต่อหุ้น 0.50 บาท/หุ้น และได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก จำนวน 0.31 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 0.04 บาท/หุ้น คิดเป็น 15% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดและติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีมาตรการคุมเข้ม ลดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ปิดแคมป์ก่อสร้าง งดการเคลื่อนย้ายแรงงาน งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลกระทบต่อยอดขายโครงการก่อสร้างในช่วงปลายไตรมาส 2 รวมถึงการยกระดับมาตรการที่เข้มข้นขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ทำให้ร้านโมเดิร์นเทรดบางสาขาต้องปิดการขาย ส่วนร้านค้าสีและร้านโมเดิร์นเทรดที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ต้องถูกลดชั่วโมงการขายลง อย่างไรก็ตามคาดว่าสภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นกลไกหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมั่นคงต่อไป ทั้งนี้จากการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของ TOA สวนกระแสวิกฤตโควิด-19 มาจากการปรับตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือความท้าทายต่างๆ ผนวกกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพทางธุรกิจ ตลอดจนการเสริมกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์วิถีการดำเนินชีวิตใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ TOA ยังให้ความสำคัญในการดูแลปกป้องพนักงานท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ด้วยมาตรการที่หลากหลาย อาทิ การณรงค์ส่งเสริมการฉีดวัคซีนและจัดหาวัคซีนให้แก่พนักงานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การยกระดับความเข้มข้มตามมาตรการ “Bubble & Seal” สำหรับพนักงานสายงานการผลิต เพื่อสกัดโควิด-19 ไม่ให้กระทบสายการผลิตของบริษัท รวมถึงการติดตามสถานการณ์และผลกระทบของคู่ค้าอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชน สังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าช่วยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปพร้อมกับคนไทยทุกคน ”ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งประกอบกับการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จะทำให้ TOA สามารถก้าวผ่านความท้าทายต่างๆที่เข้ามาได้เป็นอย่างดี จนนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว”