เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายเสรี เนต กงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำจังหวัดสระเเก้ว ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อหารือแนวทางในการร่วมมือช่วยเหลือแรงงานกัมพูชา จำนวน 12,000 คน ที่อาศัยภายในตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ หลังพบว่าที่ผ่านมา มีแรงงานกัมพูชาที่อยู่ในตลาดแห่งนี้ ติดเชื้อโควิดไปแล้วมากกว่า 1,000 คน
นายเสรี เนต กล่าวว่าประเทศกัมพูชา ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ในการขอความร่วมมือช่วยเหลือแรงงานกัมพูชา โดยขอให้ทางผู้ว่าฯ เปิดด่าน เพื่อให้ทางการกัมพูชาสามารถนำวัคซีนเข้ามาฉีดให้แก่แรงงานกัมพูชา ซึ่งจะมีการเข้ามาตั้งเต้นท์และจุดชั่วคราวในตลาด หรือบริเวณด่านชายแดนก็ได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ขอแค่ให้แรงงานกลุ่มนี้สามารถเดินเข้าไปฉีดวัคซีนในฝั่งกัมพูชา และเมื่อฉีดเสร็จให้สามารถเดินกลับมาฝั่งไทยได้
นายเสรี เนต กล่าวว่า ขณะนี้ทางการกัมพูชามีความพร้อมเรื่องของวัคซีน ทั้งยี่ห้อซิโนฟาร์ม ซิโนแวค และแอดต้าเซนิก้า ที่สามารถนำเข้ามาฉีดให้แรงงานกัมพูชา จำนวน 12,000 คน อย่างน้อยคนละ 1 เข็ม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งตอนนี้ผู้ว่าฯจังหวัดสระแก้วได้รับเรื่องไว้แล้ว แต่ยังไม่รับปากจะว่าสามารถอนุมัติได้หรือไม่ เพราะต้องนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)พิจารณา
ขณะที่ น.ส.ปฏิมา ตั้งปรัชญากูล ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดสระแก้วเพื่อช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติกัมพูชากล่าวว่า เมื่อโลกไร้พรมแดนแล้ว การช่วยเหลือก็ควรต้องไร้พรมแดนด้วย เรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เราอยากเห็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาที่ช่วยกันแก้ปัญหาเพราะตอนนี้ แรงงานกัมพูชาเองก็ทยอยหลั่งไหลมาจากพื้นที่ชั้นใน และพื้นที่เขตอื่นมาอยู่ตามชายแดนเยอะมาก เพราะเขาเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีน และอยากฉีดวัคซีน แต่พวกเขากลับประเทศไม่ได้เพราะด่านปิด ก็เลยติดอยู่ตามป่า มีทั้งเด็กผู้ใหญ่นับร้อยคน ประกอบกับพื้นที่โรงเกลือมีความเสี่ยงมาก เพราะมีแรงงานอาศัยอยู่เป็นหลักหมื่น และเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่หล่อเลี้ยงทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ได้รับผลกระทบร่วมกันหมด
ขอบคุณภาพจาก Thiti Pleetong