นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจรบริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท เติบโต 226.3% พลิกจากไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า ทั้งนี้ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าบางรายชำระหนี้เกินกว่ากำหนด บริษัทจึงจำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนตามมาตรฐานบัญชี TFSR 9 จำนวน 11.4 ล้านบาทในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ดีหากลูกค้ามีการชำระเข้ามาจะทำให้บริษัทสามารถบันทึกกลับมาเป็นรายได้ในภายหลัง ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทฯ บันทึกกำไรในไตรมาสนี้สูงขึ้นเป็น 27.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 317% โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 411.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 38.9% กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 76.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 65.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน
โดยในปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเริ่มกลับมามียอดขายโดดเด่น ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกแรก ดันธุรกิจ iCNG กลับมามียอดขายโตขึ้นต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำรายได้ 264.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 64.29% จากยอดขายรวมทั้งไตรมาส เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 24.3% สาเหตุมาจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่หันมาใช้ iCNG ทำให้ความต้องการในการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากการที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาดและราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงอื่น
ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ที่ยังสร้างรายได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดและการรัฐประหารก็ตาม ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนราว 14.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 163% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จและ COD ในปี 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” หรือ SAP เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ปัจจุบันบริษัทแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI นอกจากนี้บริษัท COD โครงการเพิ่ม 2 แห่ง และมีสัญญาในมือรวมกว่า 19 เมกะวัตต์ สร้างกำไรให้ SCN เพิ่มอีก 2.4 ล้านบาทในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะได้สัญญาเพิ่มอีก 10 เมกะวัตต์ พร้อม COD เพิ่มเติม เพื่อสร้างผลประกอบการที่เติบโตในครึ่งปีหลังนี้ และคงเป้า 110 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผน นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้กว่า 34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 236.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6.26 เมกะวัตต์ ในไทยที่ยังคงสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี และยอดขาย Spare parts ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปที่ได้รับความสนใจอย่างฉุดไม่อยู่
ส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่และซ่อมบำรุงรถโดยสารเชื้อเพลิง NGV จำนวน 489 คัน ทำรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้าจากงานซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันที่ดำเนินงานภายใต้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO สามารถดำเนินงานตามเป้าหมาย มีการปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีรายได้ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 94.6% ทั้งยังมีมูลค่าสัญญาซ่อมบำรุงรถโดยสารคงเหลืออีก 1,800 ล้านบาทที่พร้อมดำเนินการและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว
สำหรับด้านธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า จากที่บริษัทชนะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสริมให้งานบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มกำลังเป็น 360 ตัน/วัน ดันรายได้กลุ่มธุรกิจขนส่งให้แตะ New High ที่ 200 ล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หรือเติบโตราว 24% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี มั่นใจในอนาคตจะมีงานใหม่ในมือแน่นอน นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังบริษัทปรับกลยุทธ์ในธุรกิจออกแบบ ผลิต ติดตั้ง รับเหมา และซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ (EPC & Maintenance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานเด่นจากธุรกิจใหม่ปีนี้ “บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด” หรือ SCAN ICT ที่เจาะตลาดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถโกยงานได้กว่า 100 ล้านบาท และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมตัวเข้าประมูลงานกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้เสริมที่แข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจกัญชงแบบครบวงจรน้องใหม่ ที่ดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย “บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด” ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตสำหรับการปลูกแล้ว จ่อยื่นขอใบอนุญาตอื่นเพิ่มเติม คาดเริ่มปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 กวาดรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
โดยเมื่อเร็วๆนี้ SCN ยังได้มีผลงานชิ้นโบว์แดง ได้จับมือบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น Shizuoka Gas Company Limited (SZG) ร่วมลงทุนในบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ซึ่งภายหลังโอนทรัพย์สินแล้วจะมีมูลค่า 454 ล้านบาท โดย SZG เข้าซื้อหุ้นจำนวน 49% ด้วยมูลค่าเสนอซื้อทั้งโครงการกว่า 639 ล้านบาท ภายหลังจากการปิดดีล SCN จะได้รับเงินสดกว่า 313.1 ล้านบาท สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้ นอกจากนั้นการร่วมทุนครั้งนี้ถือเป็นการสร้างเครือข่ายก๊าซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าผู้ใช้ iCNG และ iLNG เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 รายต่อปี คาดทำรายได้ให้กับบริษัท TJN สูงถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี และปูทาง SCN เติบโตสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทกลับมา Turn around จากจุดต่ำสุด มีปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น เสริมทัพด้วยพันธมิตรรายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 639 ล้านบาท เพื่อเพิ่มยอดขายพุ่งสูงถึง 10,000 mmBTU จากปัจจุบันประมาณ 4,000 mmBTU คาดเห็นปริมาณและยอดขาย New High เมื่อเทียบกับช่วงก่อน เพื่อผลักดันธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้ขยายสู่ระดับสากล อีกทั้งยังมีบรรดาลูกค้าในไทยหลายรายยังรุมจีบ เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซเพิ่มเติม อีกทั้ง SCN เน้นสร้างธุรกิจที่มีสัญญาการดำเนินงานที่มั่นคง จนทำให้ครึ่งปีแรกเราสามารถทำรายได้รวม 897.5 ล้านบาทแล้ว มั่นใจว่าเป้าหมายแตะ 2,000 ล้านบาทในปี 2564 ไม่ใช่เรื่องยากด้วยพันธมิตร ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มี และกลยุทธ์ของเราจะทำให้สามารถแข่งขันเพื่อคว้างานใหม่ๆ เพื่อสร้างผลประกอบที่ดีได้ตามเป้าแน่นอน