เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่าในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้หารือถึงกรณีเด็กเสียชีวิต เนื่องจากวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา มีทารกอายุ 14 วัน เป็นชาวเมียนมา เสียชีวิตที่ จ.เพชรบูรณ์ และมีข้อมูลเข้ามาว่าที่ผ่านมามีเด็กติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 3 หมื่นกว่าราย เสียชีวิตถึง 9 ราย 8 ใน 9 มีโรคประจำตัว กรมควบคุมโรคจึงเน้นย้ำ กรณีที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงวัย และผู้ป่วยติดเตียงอยู่ที่บ้าน ขอให้แยกห้องนอนผู้สูงอายุ หากบ้านมีพื้นที่จำกัดให้ใช้ฉากกั้นและให้ผู้สูงอายุอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี รวมถึงให้หมั่นทำความสะอาดพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน ลูกบิดประตู ราวบันได
ส่วนกรณีที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง แนะนำให้คนที่ออกจากบ้านน้อยที่สุดเป็นผู้ดูแลคนเดียว และต้องสวมหน้ากากอนามัย หากผู้ป่วยติดเตียงไม่มีอาการทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลระหว่างวันที่ 18 ก.ค. – 7 ส.ค. พบผู้เสียชีวิต 2,417 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 838 ราย เป็นผู้รับวัคซีนไปแล้ว 1 เข็มโดยระยะติดเชื้อน้อยกว่า 2 สัปดาห์ 149 ราย เป็นผู้ได้รับวัคซีนเกิน 2 สัปดาห์และมีการติดเชื้อ 82 ราย เป็นผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 13 ราย คิดเป็นตัวเลข 0.5% กระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นย้ำการเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ เพราะการเสียชีวิตในกลุ่มที่รับวัคซีน 2 เข็มมีเพียง 0.5%