“วีริศ” เผยที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานเห็นพ้องใช้มาตรการ “Bubble and Seal” แยกผู้มีความเสี่ยงในโรงงานกักตัวและทำงานต่อเนื่อง หวังภาคผลิตไม่สะดุด ลดการกระจายความเสี่ยงผู้ติดเชื้อสัมผัสชุมชนใกล้เคียง เล็งหารือนิคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งด่วน นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงหรรษา รักษาคม ผู้อำนวยการกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค แพทย์หญิงนฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ นายปรนนท์ ฐิตะวรรโณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ผ่านระบบออนไลน์ ในประเด็นแนวทางการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมในสถานการณ์โควิด-19 เพื่อกำหนดนโยบายของ กนอ.เกี่ยวกับการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมในสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และแนวปฏิบัติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในการแบ่งกลุ่มพนักงานเป็นกลุ่มๆ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างกัน หรือ Bubble And Seal และระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ภายในโรงงาน (โรงพยาบาลสนามในโรงงาน) หรือ Factory Isolation โดยแบ่งกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำให้กักตัวในสถานประกอบการ เพื่อจำกัดวงของการระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้การดำเนินงานในภาคการผลิตยังดำเนินต่อไปได้ตามปกติ “การเฝ้าสังเกตอาการของผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้มีความเสี่ยงต่ำนั้น กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ควรแยกจากกันอย่างชัดเจนเป็นคนละกลุ่ม และยังให้เขาทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องเฝ้าสังเกตอาการใกล้ชิด ไม่ให้มีการข้ามกลุ่มกันไปมา ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องปิดโรงงาน ไม่เกิดการระบาดในชุมชน และพนักงานยังคงมีรายได้ เพื่อให้กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากขณะนี้ต้องยอมรับว่าภาคอุตสาหกรรมถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ ดังนั้นเราจะหามาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการให้ดำเนินงานได้อย่างดีที่สุด” สำหรับมาตรการ Bubble and Seal จะต้องใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคเข้ามากำกับดูแล เช่น ต้องมีการประเมินความเสี่ยงทุกวัน ตรวจคัดกรองกลุ่มที่มีไข้ด้วยแอนติเจนท์ เทสต์ คิท กรณีมีแรงงานเข้ามาใหม่ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการดูแลด้านสังคมด้วย เช่น จัดเตรียมสถานที่พักในโรงงาน ชุมชน โรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับหากมีผู้ติดเชื้อ รวมทั้งสนับสนุนปัจจัย 4 ในการดำรงชีพ มีการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ มาตรการ Bubble and Seal ถูกใช้มาแล้วในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง และสามารถจำกัดการระบาดของไวรัสได้ดีในจังหวัดสมุทรสาครในระลอกที่ 2 ดังนั้นจึงมองว่า หาก กนอ.นำไปประยุกต์ใช้กับโรงงานในนิคมฯต่างๆทั่วประเทศ น่าจะช่วยลดการแพร่ระบาดได้ ขณะเดียวกันรูปแบบที่ใช้ต้องเหมาะสมกับประเภทกิจการพื้นที่และแรงงานด้วย "กนอ.จะหารือกับหน่วยงานปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เร่งจัดทำมาตรการ แนวทาง และรูปแบบในการดำเนินการ รวมทั้งอาจจะมีการพัฒนาระบบการแชร์ข้อมูลเพื่อรายงานผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินผลการดำเนินงานต่อไป ขณะที่กระทรวงดิจิทัลฯพร้อมให้ความช่วยเหลือในเรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือสัญญาณ WiFi ด้วย"