ผู้สื่อข่าวสยามรัฐ จ.กาญจนบุรี รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 5 ส.ค.64 พล ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผกก.สส.สตม. พ.ต.อ.อาภาภร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ขย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.มานะนากทั่ง รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.บก.สส.บก.ตม.3 พ.ต.ต.ไกรพล ดีแก้ว นว(สบ2) ผบช.สตม.ได้เดินทางด้วยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์มาที่ สนามจอด ฮ.ภายในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี โดยมี พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ตม.กาญจนบุรี ร่วมให้การต้อนรับ
จากนั้นคณะนายตำรวจจึงเดินทางเข้าโดยรถยนต์ไปที่ กก.ตม.กาญจนบุรี เพื่อนำสิ่งของจำพวกอุปกรณ์การป้องกันโรคโควิด-19 มอบให้แก่ข้าราชการตำรวจ ตม.โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา รอง ผู้ว่าราชการแพทย์จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งแพทย์รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี มารอต้อนรับ
จากนั้นคณะนายตำรวจจึงเข้าห้องประชุม ศปก.ตม. เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในเรื่องกี่ยวกับปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของบุคคลต่างด้าว สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนจะเดินทางไปที่ศูนย์อำนวยการ รพ.สนามชั่วคราว โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วยคณะนายตำรวจ ได้สวมชุด PPE โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคตามร่างกายก่อนจะเดินเข้าไปดูภายในห้องกักขัง ซึ่งดัดแปลงเป็น รพ.สนามชั่วคราว ซึ่งภายในมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ผู้ชาย-ผู้หญิง และเด็ก ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถูกจับกุมตาม สภ.ต่างๆ นำตัวมากักขังเพื่อรอการผลัดดันออกนอกประเทศ จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อหลายคนที่อยู่ในอาการโซนสีเขียว และผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าดูอาการอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่อยู่ในโซนสีเหลือง และสีแดง ทาง กก.ตม.จ.กาญจนบุรี ได้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาและสังคม ส่งตัวไปรักษา ตาม รพ. หมดแล้วก่อนหน้านี้
จากนั้นคณะของผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมืองได้เดินทางไปยังจุดตรวจสามแยกบ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมปลอบขวัญกำลังใจ และมอบสิ่งของอุปกรณ์การป้องกันโรคให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ ณ จุดตรวจจุดสกัดบริเวณ 3 แยกบ้านเก่า พร้อมทั้งสอบถามปัญหาในการปฎิบัติหน้าที่
และจึงเดินทางกลับมาที่ลานจอด ฮ. เพื่อขึ้นเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปตรวจเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่จังหวัดราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาตรวจราชการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ที่จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้ ก็เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญเป็นกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจดูความพร้อมของ รพ.สนามชั่วคราว สอบถามปัญหาในเรื่องการทำงาน รวมทั้งสถานการณ์บุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ด้วยความห่วงใยการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจ-จุดสกัด ด่านตรวจถาวรตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เป็นอย่างมาก
เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องปฎิบัติหน้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง จับกุมบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนี บางคน อาจเป็นตัวพาหะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศเพิ่มขึ้น จึงได้สั่งกำชับในเรื่องการตรวจสอบจับกุม ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ
มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี ปล่อยปละละเลย ขาดการควบคุมดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2-3 นาย รวมทั้งบุคคลต่างด้าวที่ถูกจับกุมในห้องกักขัง ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) จำนวนหลายราย โดยไม่มีการดูแลเอาใจใส่ป้องกันโรค
เพื่อให้การปฎิบัติราชการของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 32(4) และมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2559 เรื่องกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน ลงวันที่ 5 ก.พ.2559 และข้อ 8 (3) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฎิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 จึงได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจผู้นี้ไปปฎิบัติราชการที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดยขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ก่อนเดินทางกลับ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ตนเองได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเมียนมาเพื่อติดตามสถานการณ์บุคคลต่างด้าวเข้ามาขายแรงงานเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะพวกลักลอบหลบหนีอาจจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคเข้ามาในประเทศไทย
เพื่อเป็นการป้องกันการนำเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVId-19) เข้ามาจึงได้ให้โอวาท และสั่งกำชับแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุกนายที่ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงมาก จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการป้องกันตัวเองเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจทุกท่านปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยยึดมั่นเรื่องความปลอดภัยสูงสุดจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้
จากนั้นคณะนายตำรวจจึงเดินทางเข้าโดยรถยนต์ไปที่ กก.ตม.กาญจนบุรี เพื่อนำสิ่งของจำพวกอุปกรณ์การป้องกันโรคโควิด-19 มอบให้แก่ข้าราชการตำรวจ ตม.โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา รอง ผู้ว่าราชการแพทย์จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งแพทย์รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี มารอต้อนรับ
จากนั้นคณะนายตำรวจจึงเข้าห้องประชุม ศปก.ตม. เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในเรื่องกี่ยวกับปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของบุคคลต่างด้าว สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนจะเดินทางไปที่ศูนย์อำนวยการ รพ.สนามชั่วคราว โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วยคณะนายตำรวจ ได้สวมชุด PPE โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคตามร่างกายก่อนจะเดินเข้าไปดูภายในห้องกักขัง ซึ่งดัดแปลงเป็น รพ.สนามชั่วคราว ซึ่งภายในมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ผู้ชาย-ผู้หญิง และเด็ก ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถูกจับกุมตาม สภ.ต่างๆ นำตัวมากักขังเพื่อรอการผลัดดันออกนอกประเทศ จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อหลายคนที่อยู่ในอาการโซนสีเขียว และผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าดูอาการอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่อยู่ในโซนสีเหลือง และสีแดง ทาง กก.ตม.จ.กาญจนบุรี ได้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาและสังคม ส่งตัวไปรักษา ตาม รพ. หมดแล้วก่อนหน้านี้
จากนั้นคณะของผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมืองได้เดินทางไปยังจุดตรวจสามแยกบ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมปลอบขวัญกำลังใจ และมอบสิ่งของอุปกรณ์การป้องกันโรคให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ ณ จุดตรวจจุดสกัดบริเวณ 3 แยกบ้านเก่า พร้อมทั้งสอบถามปัญหาในการปฎิบัติหน้าที่
และจึงเดินทางกลับมาที่ลานจอด ฮ. เพื่อขึ้นเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปตรวจเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่จังหวัดราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาตรวจราชการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ที่จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้ ก็เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญเป็นกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจดูความพร้อมของ รพ.สนามชั่วคราว สอบถามปัญหาในเรื่องการทำงาน รวมทั้งสถานการณ์บุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ด้วยความห่วงใยการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจ-จุดสกัด ด่านตรวจถาวรตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เป็นอย่างมาก
เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องปฎิบัติหน้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง จับกุมบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนี บางคน อาจเป็นตัวพาหะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศเพิ่มขึ้น จึงได้สั่งกำชับในเรื่องการตรวจสอบจับกุม ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ
มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี ปล่อยปละละเลย ขาดการควบคุมดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2-3 นาย รวมทั้งบุคคลต่างด้าวที่ถูกจับกุมในห้องกักขัง ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) จำนวนหลายราย โดยไม่มีการดูแลเอาใจใส่ป้องกันโรค
เพื่อให้การปฎิบัติราชการของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 32(4) และมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2559 เรื่องกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน ลงวันที่ 5 ก.พ.2559 และข้อ 8 (3) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฎิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 จึงได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจผู้นี้ไปปฎิบัติราชการที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดยขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ก่อนเดินทางกลับ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ตนเองได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเมียนมาเพื่อติดตามสถานการณ์บุคคลต่างด้าวเข้ามาขายแรงงานเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะพวกลักลอบหลบหนีอาจจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคเข้ามาในประเทศไทย
เพื่อเป็นการป้องกันการนำเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVId-19) เข้ามาจึงได้ให้โอวาท และสั่งกำชับแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุกนายที่ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงมาก จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการป้องกันตัวเองเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจทุกท่านปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยยึดมั่นเรื่องความปลอดภัยสูงสุดจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้