กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงเหตุการณ์กรณี กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงโจมตีชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ บริเวณบ้านแฆแบะ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยตรวจพบสลักและลูกระเบิดที่ไม่ทำงานรวมกันประมาณ 19 ลูก
วันนี้ ( 3 สิงหาคม 2564 ) เวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันเอกเกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนและทางสื่อออนไลน์ที่มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิด แบบ M 79 ยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการชั่วคราว ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์กองร้อยทหารพรานที่4514 จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการปฏิบัติหน้าที่ขณะที่ชุดปฎิบัติการจรยุทธ์กองร้อยทหารพรานที่ 4514 ทำการสับเปลี่ยนกำลังสนับสนุนกองร้อยชุดควบคุมป้องกันชายแดนที่ 2 บ้านแฆแบะ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย ตามมาตรการสกัดกั้นป้องกันเชื้อไวรัสโควิด19 จากประชาชนที่หลบหนีข้ามแดนผ่านตามช่องทางธรรมชาติและเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลา 02.30 น. ขณะชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ จำนวน 8 นาย ได้พักแรมตั้งฐานปฏิบัติการริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก ติดชายฝั่งประเทศมาเลเซีย บริเวณบ้านแฆแบะ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมระดมยิงและขว้างเข้าใส่ฐานปฏิบัติการดังกล่าว จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย ดังนี้ อส.ทพ.เกียรติขจร นาคดี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ,จ.ส.อ.กฤษฎา แซ่บุ๋น ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าบริเวณขา มีแผลเล็กน้อยบริเวณขาท่อนล่างข้างซ้าย ,อส.ทพ.มานะ เร็วสูงเนิน ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณสะโพกด้านขวา ,อส.ทพ.วิทวัฒน์ อินทะระนก ถูกสะเก็ดระเบิดมีแผลที่เท้าขวาเล็กน้อย ,อส.ทพ.วุฒินันท์ ถูกสะเก็ดระเบิด เข้าบริเวณตาข้างขวา และที่คอ
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานในพื้นที่ พบว่าอาวุธที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ขว้างเข้าใส่ที่เกิดเหตุ ไม่ได้ถูกยิงมาจากเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ M 79 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด โดยตรวจพบสลักและลูกระเบิดที่ไม่ทำงานรวมกันประมาณ 19 ลูก นอกจากนี้ยังได้ตรวจพบรอยเท้าบริเวณริมตลิ่งชายฝั่งเขตประเทศไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังก่อเหตุคนร้ายอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใดและเข้ามาจากทิศทางใดบ้าง หากมีความคืบหน้าจะชี้แจงให้ทราบต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทุกนาย จากการถูกซุ่มโจมตีของผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ขณะปฏิบัติภารกิจป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งนี้ได้กำชับให้กองทัพบกและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วน ให้การช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 นายอย่างดีที่สุด รวมทั้งให้ช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มกำลัง พร้อมสนับสนุนการจัดพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ และได้เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้อดทนและใช้ความพยายามเจรจาพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยให้เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติและเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว
โดยเมื่อเวลา 07.30 น.ช่วงเช้าที่ผ่านมา พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลสุไหงโกลก เพื่อเยี่ยมเยียนให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งนำความห่วงใยและความเสียใจจากพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกมายังกำลังพลเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 พร้อมทั้งครอบครัวผู้สูญเสีย รวมทั้งชื่นชมในความกล้าหาญของกำลังพลที่ทุ่มเทและเสียสละในภารกิจอย่างสุดกำลังความสามารถ ขอให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ก่อนจะเดินทางต่อเพื่อร่วมประกอบพิธีรดน้ำศพแก่ทหารผู้เสียสละ พร้อมทั้งได้ดำเนินการส่งศพผู้เสียชีวิตไปยังภูมิลำเนาเดิม ณ สนามบินบ้านทอน จังหวัดนราธิวาส
พร้อมกันนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกพื้นที่เพิ่มความระมัดระวังและความเข้มงวด ประสานกำลังทุกภาคส่วนรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-1732999 และเบอร์สายด่วน 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง