"ก้าวไกล"ค้านตั้งคณะทำงานแก้ รธน.เพิ่ม หวั่นบล็อคโหวตตามความต้องการ 2 พรรคใหญ่ ตำรวจรวบไผ่ดาวดินพร้อมพวก หลังนำมวลชนบุก"บช.ปส." เรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อน ถูกจับ 3 ราย ขณะชุมนุมคาร์ม็อบ วันเดียวกัน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่...) พ.ศ.... คนที่หก แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และ มาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง รัฐสภา กล่าวถึงการนัดประชุมกมธ. ในวันที่ 4 ส.ค. เพื่อพิจารณาเนื้อหาว่า ตนขอคัดค้านข้อเสนอของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานกมธ. ที่จะให้ตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำเนื้อหาตามคำแปรญัตติ เบื้องต้นเชื่อว่าคณะทำงานดังกล่าวจะถูกตั้งขึ้นเพื่อรวบรัดการทำงานและปิดปากการแสดงความคิดเห็น ถกเถียง อย่างรอบด้านของฝ่ายต่างๆ ในชั้นกรรมาธิการ "เมื่อรัฐสภาตั้งกมธ.ฯ แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะทำงาน เพื่อแยกไปทำงาน ควรให้ กมธ. ได้ทำหน้าที่แสดงความเห็น อภิปราย และถกเถียงในรายละเอียดให้รอบด้าน อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้มีเพียง 2 มาตรา จึงควรใช้กมธ.พิจารณา และผมมองว่าการเสนอตั้งคณะทำงานนั้น คือเหลี่ยมทางการเมือง ต้องการสร้างโอกาสให้มีบางคนที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ทำมุบมิบ เขียนกติกาที่เอื้อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แทนการกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์ประชาชน และใช้เสียงข้างมากโหวตตามความต้องการ" นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ความพยายามเอาเปรียบทางการเมืองคือ การตอกย้ำว่าต้องการสืบทอดอำนาจและผลประโยชน์ของพรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ดังนั้นกมธ.ซีกพรรคก้าวไกลจะคัดค้านเรื่องดังกล่าว แม้หากใช้เสียงลงมติจะแพ้ แต่เชื่อว่าจะได้เสียงของความชอบธรรม นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่ต้องโต้แย้งคือ การเสนอคำแปรญัตติของพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ที่เสนอเนื้อหาซึ่งรัฐสภาลงมติไม่รับหลักการเข้าสู่การพิจารณา แม้จะอ้างว่าการแปรญัตติเนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำได้ตามข้อบังคับการประชุม แต่ต้องไม่ใช่ตีความเพื่อทำทุกอย่างที่ต้องการ ตามอำเภอใจ ส่วนตัวมองว่าการเสนอคำแปรญัตติที่รัฐสภาไม่รับหลักการ คือสิ่งไม่ถูกต้อง และเป็นการเล่นเกมทางการเมือง ที่พยายามสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบตามอำเภอใจ และสร้างผลเสียหายต่อหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นำมวลชนเดินทางมายังบริเวณหน้า บช.ปส. พร้อมนำแผ่นผ้าเขียนข้อความโจมตีรัฐบาล ติดไว้ตามรั้วของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมทั้งตะโกนให้เจ้าหน้าที่ปล่อยมวลชนที่ถูกคุมตัวมาในเหตุการณ์ชุมนุมวานนี้ ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีการนำรถยนต์มาปิดทางเข้าออกกองบัญชาการดังกล่าวอีกด้วย โดยสาเหตุที่นายจตุภัทร์นำมวลชนมาที่ บช.ปส. เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ระบุว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมตัวจากม็อบ 1 สิงหาคม จำนวน 3 ราย ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. ภายในสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต โดยเป็นกลุ่มคนขับรถเครื่องเสียง นายจตุภัทร์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่มาวันนี้นั้นต้องการให้ตำรวจปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมมาจากเหตุการณ์ชุมนุมวานนี้ โดยหากตำรวจปล่อยตัวกลุ่มที่ถูกจับกุมจะยุติการชุมนุม ทั้งนี้อยากให้ตำรวจเลิกสนับสนุนการทำงานให้นายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้รัฐบาลชุดนี้มีการบริหารงานที่ล้มเหลว ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนออกมาช่วยกันขับไล่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่มมวลชนกำลังปิดกั้นถนน ได้มีรถกระบะตำรวจจำนวน 2 คัน แล่นเข้ามาในบริเวณ โดยท้ายกระบะมีตำรวจควบคุมฝูงชน สวมหมวกปราบจลาจลนั่งมาเต็มคันรถ เมื่อมวลชนเห็นจึงเดินไปกดดัน จนทำให้รถตำรวจต้องถอยร่นออกไปทันที ต่อมา 11.50 น. นายจตุภัทร์นำขบวนมวลชนเดินขบวนตามหารถเครื่องเสียงที่ถูกตรวจยึดมา ขณะที่ทางตำรวจได้ปิดประตูรั้วด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำให้มวลชนได้ตอบโต้โดยมีการนำสติ๊กเกอร์โจมตีรัฐบาลมาติดไว้ที่ประตู พร้อมเตรียมสีน้ำทาบ้าน มาวางไว้บริเวณหน้ารั้ว บช.ปส. จากนั้นมวลชนใช้มือจุ่มสีแดงทาตามรั้ว บช.ปส. โดยนายจตุภัทร์ได้นำสเปรย์สีแดงมาพ่นตามกำแพง บช.ปส. ระบุข้อความโจมตีรัฐบาล ล่าสุด เวลา 12.20 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย พร้อมโล่ กระบอง เรียกกำลังเข้ากระชับพื้นที่ ไล่จับและได้ควบคุมตัวนายจตุภัทร์พร้อมมวลชนจำนวนหลายคนขึ้นรถผู้ต้องขังที่มาจอดรอรับ พร้อมทั้งกันสื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่