รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...1 สิงหาคม 2564 วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนล่วงหน้า เพื่อความไม่ประมาท ...จะลดการติดเชื้อ การป่วย และการเสียชีวิตของบุคลากรและเสริมสร้างความมั่นใจได้ ก็ต่อเมื่อใช้วัคซีน mRNA ที่ได้รับบริจาคมาอย่างถูกต้อง ที่ควรทำคือฉีดให้ครบ 2 เข็ม เพื่อหวังผลตามที่มีการวิจัยระดับสากลยืนยันมาก่อน ทั้งเรื่องระดับภูมิคุ้มกัน และสรรพคุณในการป้องกัน จะฉีดเป็นเข็มที่สองได้ กรณีที่เข็มแรกได้ Astra มาก่อน แต่หากได้วัคซีนอื่นมาก่อนในเข็มแรก หรือสองเข็มก็ตาม ข้อมูลไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงควรทำเหมือนฉีดใหม่ให้ครบ ...หากไม่ได้ล็อคดาวน์ทั้งประเทศ คงยากที่จะตัดวงจรการระบาดของประเทศได้ คงได้แค่บรรเทา แต่จะมีโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ดังนั้นคงต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด และในแต่ละพื้นที่ที่ไม่ได้ล็อค อาจต้องพิจารณาดำเนินการเข้มข้นด้วยตัวเอง ปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตและการทำมาค้าขายหรือบริการให้เน้นความปลอดภัย โดยเฉพาะกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเจอผู้คน แออัด ใกล้ชิด หรือใช้เวลานาน ถ้าเราไม่ทำ เวลาปะทุขึ้นมา เราก็จะได้รับผลกระทบ บ่อยแค่ไหนคงขึ้นกับความเสี่ยงที่มี ...ด้วยระดับการระบาดที่เห็น พบว่ามีบทเรียนของต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นว่า ต้องระวังเรื่องการระบาดในโรงพยาบาล และหากต้องระวังเรื่องการระบาดในโรงงานหรือกิจการที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิต ยิ่งหากมาตรการที่มีนั้นจะไม่ปิดกิจการหรือโรงงานเพราะกลัวคนงานจะกลับบ้าน ก็คงต้องเคร่งครัดให้ดี เพราะเวลาระบาดเยอะๆ นานเข้า จะมีโอกาสรุนแรงและกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อกำลังการผลิตได้รับผลกระทบ ปริมาณอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยิ่งหากภายนอกมีการระบาดรุนแรง และต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจมีปัญหาขาดแคลนได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรมาก หรือมีอัตราพึ่งพิงสูงจากการระบาด สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้า ประเมินแล้วศึกนี้ยาวนาน อาจต้องมุ่งเป้าเน้นขันน็อตระบบการทำงานให้เน้นความปลอดภัยของบุคลากรมากขึ้น หากอุปกรณ์ป้องกันไม่พอ คนไม่พอ อาจต้องกำหนดขีดจำกัดตามความสามารถจริง มิฉะนั้นหากฝืนเกินกำลัง จะมีปัญหาติดเชื้อ ป่วย หรือเสียชีวิตมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อสมรรถนะโดยรวมของระบบ จะทำให้การดูแลประชาชนมีปัญหาตามมาอย่างมากได้ ...ระบบ home isolation แบบรายบุคคลดังที่เห็น น่าจะยืนระยะลำบาก เพราะข้อจำกัดเรื่องคนเงินของ ที่จะให้บริการได้ครบถ้วนทันความต้องการ อาจต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ อย่างที่เน้นให้ใช้วัดและโรงเรียน หรือที่อื่นที่เหมาะสม มาเป็นที่พักคอยสำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ เพื่อทำให้ดูแลเป็นยูนิตได้ทีละจำนวนมาก ไม่ใช่รายบุคคลแบบ home isolation ก็จะทำให้จัดสรรคนเงินของและนำส่ง หรือดูแลได้สะดวกกว่า เป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย