วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งของแพทย์ใช้ทุน ได้โพสต์ภาพของเกณฑ์การจัดสรรวัคซีน ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสให้กับบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมข้อความ ระบุว่า
..ตัวเราเองคือหนึ่งคนที่ถูกตัดสิทธิ์รับ Pfizer ในครั้งนี้
ถ้าทุกคนจำกันได้ เราแอทมิทหลังฉีด Sinovac dose แรก ตอนนั้นเราไม่อยากพูดอะไรเยอะ ไม่อยากทำให้ทุกคนกลัวการฉีดวัคซีน แต่วันนี้เราคิดว่าเราจำเป็นต้องพูดจริงๆ
ตอนนั้นเราแอทมิทด้วยอาการ TIA (สมองขาดเลือดชั่วคราว) อาการตอนนั้นคือชาครึ่งซีก เป็นประสบการณ์ที่ไม่สนุกเลยสักนิด เพราะไม่มีใครรู้เลยว่า TIA จะกลายเป็น Stroke หรือเปล่า (Stroke คือสมองขาดเลือด หรือที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตครึ่งซีกนั่นแหละ) เพราะโดยส่วนมาก Stroke จะมีโอกาสเกิดได้มากภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิด TIA เราจึงจำเป็นต้องแอทมิทดูอาการ
คิดดูว่าคนอายุน้อย ไม่มีโรคประจำตัว ต้องมาเจอผลข้างเคียงขนาดนี้ ตอนที่แอทมิทเครียดแบบไม่นอนเลย เช็คตัวเองตลอดว่าชามั้ย อ่อนแรงมั้ย เรายอมรับเลยว่าเรากลัวมาก และแน่นอน เราปฏิเสธรับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 2
ทำไมไม่ฉีด AZ? เพราะผู้หญิงอายุน้อย มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่ามีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ ซึ่งลิ่มเลือดมันก็อุดได้ทุกที่ตั้งแต่สมอง ปอด ซึ่งถ้าเกิดขึ้นมาไม่ตายก็พิการ เราเลยขอผ่าน AZ ไป ตอนนั้นเรายอมรับว่าเราเลือกเอง เรารับความเสี่ยงจากการตัดสินใจนี้เอง
แต่เราก็ไม่ได้งอมืองอเท้ารอวัคซีน ถ้าถามว่าเราทำอะไรบ้าง เราทำไปเยอะ เสียน้ำตาไปก็เยอะ พอได้ยินว่าเทศบาลเมืองจังหวัดที่เราอยู่จะเอา Sinopharm เข้ามาฉีดให้คนในพื้นที่เราก็ติดต่อไป สิ่งที่เราได้คำตอบกลับมาคือ “ทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหน” “ไม่มีภูมิลำเนาที่นี่จะขอฉีดไม่ได้นะ” ใช่เรามันเป็นแค่คนกรุงเทพฯ ที่ระเห็ดระเหออกมาทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนดูแลคนไข้ที่นี่มาปีกว่า คงไม่มีค่ามากพอจะให้เค้าต้องมาใส่ใจ
เอกชนเปิดจอง Moderna เราก็ไปจอง จองทุกที่ที่จองได้ จ่ายเงินมัดจำทุกที่ไปแล้วด้วยความยินดี แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว่าจะได้วัคซีนไหมและจะได้เมื่อไหร่
สถานการณ์ในจังหวัดระหว่างนั้นก็แย่ลงทุกวัน รพช. เราเริ่มต้องรับผู้ป่วยเคสเหลืองที่กลับมาจาก กทม. หวังจะกลับมาพึ่งบ้านเกิดตัวเองในการรักษา มีการตั้ง รพ.สนาม ตั้งหอผู้ป่วยโควิด ซึ่งทั้งรพ.สนามและหอผู้ป่วยก็เต็มในเวลาไม่กี่สัปดาห์ รวมทั้งยังมีคนไข้มากมายรอเตียงอยู่ข้างนอก และแน่นอนว่าเราก็คือแพทย์คนนึงที่ต้องดูแลคนไข้เหล่านี้
พอได้ยินข่าวว่าจะมี Pfizer เข้ามาในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังย่ำแย่ สำหรับเราเราดีใจมาก เราตั้งตารอ เราหวังว่านี่จะเป็นวัคซีนที่ช่วยปกป้องเราให้ทำงานต่อไปได้อย่างปลอดภัย แต่สิ่งที่เราได้รับคือการตัดชื่อเราออกด้วยเหตุผลว่าเราฉีด sinovac ไปแค่เข็มเดียว
เราผิดหวังมาก ถึงหลายคนจะคิดว่าเราดูโอเค เราดูต่อสู้ไปทวงวัคซีนให้ตัวเอง แต่ต้องยอมรับเลยว่าเราร้องไห้แทบทุกวัน ร้องจนไม่มีน้ำตาให้ร้องแล้ว ร้องไปก็ยังต้องตรวจคนไข้โควิด เรามีแต่คำถามที่ไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิด ทำไมถึงทอดทิ้งเราแบบนี้ ทำไมเราถึงไม่สมควรได้วัคซีนรอบนี้
นี่คือแค่ 1 เสียงที่อยากจะบอกเล่า แต่ยังมีบุคลากรอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิ์ในลักษณะคล้ายกับเรา เราเชื่อว่าสิทธิ์ในการเลือกรับวัคซีนเป็นสิทธิ์ของทุกคน ไม่ใช่แค่บุคลากรทางการแพทย์แต่คือประชาชนทุกคนด้วย หน้าที่ของรัฐคือการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ และเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาให้กับประชาชน
เราอยากจะบอกว่า Pfizer รอบนี้มันไม่ใช่แค่วัคซีนที่ดี แต่มันคือขวัญกำลังใจ คือความปลอดภัยต่อชีวิตของบุคลากร และเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของบุคลากรด่านหน้าทุกคนในการเลือกรับวัคซีนในครั้งนี้
คนไข้โควิดเพิ่มขึ้นทุกวัน โรคมันไม่ได้รอเรา เราเองก็ไม่เคยรอที่จะเข้าไปช่วยเหลือดูแลคนไข้ แต่ทำไมกับวัคซีนเพื่อความปลอดภัยของบุคลากร เราถึงต้องรอ?”