ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมผู้บริหารกระทรวง และศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 ลงพื้นที่บริเวณหัวลำโพง ถนนราชดำเนิน และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำรวจและให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนเร่ร่อน ไร้บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง โดยให้ความช่วยเหลือภายใต้พระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นการลงพื้นที่เป็นครั้งที่ 4 โดยแนะนำบริการด้านสวัสดิการต่างๆ ได้แก่ ด้านที่อยู่อาศัยในบ้านมิตรไมตรีและบ้านปันสุข บริการด้านอาหารและสุขอนามัย และการให้คำแนะนำความช่วยเหลือด้านสิทธิสวัสดิการต่างๆ ทั้งนี้ นางพัชรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวพบกลุ่มคนเปราะบาง รวมทั้งผู้สูงอายุ ในจำนวนคนไร้บ้าน ซึ่งใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ตามสถานที่ต่างๆ รวม 456 ราย โดยชวนให้มาเข้ารับการคุ้มครองในหน่วยงานของกระทรวง พม. พื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ บ้านปันสุข ย่านวงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี กทม. ซึ่งเปิดเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับเป็นที่พึ่งของกลุ่มคนเร่ร่อน ไร้บ้าน ด้วยบริการฟรี ทั้งอาหารครบทั้ง 3 มื้อ ที่พักชั่วคราว ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และซักผ้า และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพฯ รวมถึงจัดหาโรงแรม 1 แห่ง จำนวน 57 ห้อง เพื่อรองรับคนกลุ่มนี้ โดยสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ภายในวันที่ 31 ก.ค. 64 ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการชักชวนดังดล่าวยังไม่มีผู้ประสงค์เข้ารับการคุ้มครอง เนื่องจากกลุ่มบุคคลนี้มีลักษณะอุปนิสัยชอบความอิสระ จึงยากที่จะทำให้เข้ามาสู่ระบบการคุ้มครอง โดยการทำงานดังกล่าว กระทรวงได้ร่วมกับพันธมิตรหลายหน่วยงาน อาทิ มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมทั้งมูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิอิสระชน โดยได้ประสานให้มูลนิธิต่างๆ ช่วยพูดคุยกับกลุ่มคนดังกล่าว สำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทางกระทรวง พม.ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันทุกคน และมีหน้าที่ให้การคุ้มครองและช่วยเหลือดูแล แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่จับกุมได้ ทั้งนี้คนเร่ร่อน ไร้บ้าน ขาดที่พึ่งและไม่มีอาหารรับประทาน สามารถเข้ามาใช้บริการได้ตลอด โดยเป็นนโยบายของนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นอกจากนี้ กระทรวง พม. ยังได้ช่วยเหลือกลุ่มคนดังกล่าวด้วยการพาไปตรวจหาเชื้อโควิค-19 และจัดหาโควต้าวัคซีนเพื่อฉีดให้กับกลุ่มบุคคลนี้บางส่วนแล้ว รวมถึงหากผู้ใดมีความประสงค์กลับภูมิลำเนา กระทรวงพร้อมประสานกระทรวงกลาโหม เพื่อจัดบริการรถรับ-ส่ง กลับภูมิลำเนาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีหน่วยงานในพื้นที่ทุกจังหวัดรองรับความช่วยเหลือดูแลอย่างต่อเนื่อง