ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่ จ.บุรีรัมย์ เตรียมเข้ายื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ให้เร่งแก้ปัญหาราคายางตกต่ำเป็นประวัติการณ์ หลังที่ผ่านมายื่นหนังสือผ่านตัวแทน 2 ครั้งไม่คืบหน้า ชี้หากรัฐบาลไม่เร่งช่วยเหลืออีกเพียงเดือนเศษจะปิดหน้ายางเกษตรกรก็จะเดือดร้อนไม่มีเงินไปชำระหนี้ วันที่ 16 พ.ย. ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา 2 อำเภอ มี อ.โนนสุวรรณ และ อ.ปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ เพื่อเตรียมเดินทางเข้ายื่นต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ให้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง หากภายใน 7 วัน กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ออกหนังสือชี้แจงความชัดเจนในการแก้ปัญหาราคายางพาราที่กำลังตกต่ำเป็นประวัติการณ์อยู่ในขณะนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยยื่นหนังสือผ่านตัวแทนระดับจังหวัดถึงรัฐบาลแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบและไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาราคายาง ทำให้เกษตรกรต้องประสบปัญหาเดือดร้อนขายยางได้ไม่คุ้มกับการลงทุน โดยขณะนี้ยางก้อนถ้วยเหลือเพียงกิโลกรัมละ 14–15 บาท ยางแผ่นดิบเหลือกิโลกรัมละ 35-40 บาท ซึ่งทางภาคอีสานรวมถึง จ.บุรีรัมย์ เหลืออีกเพียงประมาณ 1 เดือนเศษ ก็จะปิดหน้ายางแล้ว ซึ่งหากรัฐบาลไม่เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางที่กำลังตกต่ำ เกษตรกรก็จะไม่มีเงินไปชำระหนี้ ธกส.อย่างแน่นอน ตัวแทนเกษตรกรจึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยการใช้เงินกองทุนยางชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ละ 1,500 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ ทั้งให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย (พ.ร.บ.) การยางให้นำยางพาราไปสร้างถนนไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ความต้องการใช้น้ำยางเพิ่มขึ้น นายเจษฎา ตะกุดเพชร ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตัวแทนเกษตรกรเคยยื่นหนังสือผ่านตัวแทนจังหวัดถึงรัฐบาล เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหากภายใน 7 วันหลังจากนี้กระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ออกมาชี้แจงถึงแนวทางความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาราคายาง ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกยางก็จะเข้ายื่นข้อเรียกร้องกับนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง เพื่อให้เร่งช่วยเหลือราคายางที่กำลังตกต่ำ ทั้งให้ใช้เงินกองทุนยางชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ละ 1,500 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20ไร่ด้วย