วันนี้ (26 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีกลุ่มมวลชน คัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลก บางกลอย นำโดย นายธัชพงศ์ แกดำ ภาคี กลุ่ม SAVEบางกลอย ได้ทำการจัดกิจกรรมคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลก พี่น้องบางกลอย ถูกไล่ออกจากบ้านเกิด การเดินทางกลับบ้าน 25 ปี แลกมาด้วยการถูกจับและดำเนินคดี กระทรวงทรัพย์ กลับเร่งผลักดันการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยไม่สนใจวิถีชีวิต ของชนเผ่าพื้นเมือง อ้างเพียงว่า ได้ดูแลชาวบ้านอย่างดี แต่ผลที่เห็น คือ พี่น้องเราจำนวนมาก ไม่สามารถทำกินได้ เป็นโรคขาดสารอาหาร และเผชิญความยากลำบาก การต่อสู้ เพียงขอแค่ ได้กลับบ้านเกิด ก็ดูเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ร่วมส่งเสียง บอกสังคมโลกว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ต้องเลื่อนออกไป จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน อย่างเป็นรูปธรรม โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ่านประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อ้างสถานการณ์โควิด ยืนยันว่าต้องยุติการจัดกิจกรรมภายใน 30 นาที หากยังไม่สลายตัวจะดำเนินการตามกฎหมาย หลังจากนั้น นายธัชพงศ์ แกดำ ภาคี กลุ่ม SAVEบางกลอย ได้กล่าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในระหว่างที่วันนี้รัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว ไร้รัฐแล้ว มันจะมีผลมากว่าถ้าในอีกเดือนข้างหน้าไม่มีคนชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจพี่ทำหน้าที่ของพี่ไป อย่ามาขัดขวางการทำกิจกรรมของเรา ถ้าพี่ขัดขวางเราก็บอกได้คำเดียวว่าเราก็จะไม่มีจุดจบเหมือนกัน เราเตรียมกิจกรรมมาทำตามกำหนดการเรา เสร็จกิจกรรมเรากลับ ตอนนี้ขอทำกิจกรรมก่อน เมื่อใดก็ตามพี่ๆ ตำรวจคนไหนล้ำเส้นมาก็เจอกัน ก็ให้รู้ว่าประชาชนมาอย่างสันติแล้ว ถ้าพี่จะรับใช้นายของพี่ที่จะออกอยู่แล้ว ก็คิดเอา "วันนี้ 16.00 น. จะมีการพิจารณาเรื่องมรดกโลก แต่ตอนนี้ยังมีการอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อ้างโควิด แต่เรื่องมรดกโลกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระบวนการต่างๆ ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน อยู่ดีๆ จะไปล็อกคอชาวบ้าน พี่ตำรวจที่นี่ก็เดือดร้อนไม่ต่างกับชาวบ้านหรอก แล้วอยู่ดีๆ มันมีคนฉวยโอกาสในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไง แล้วชาวบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษเขาจะอยู่ที่ไหน ผมก็ขอให้แก้ปัญหาก่อน เลื่อนไปก่อน ใช้สิทธิในนามประชาชนเต็มที่" ธัชพงศ์ แกดำ กล่าว ต่อมาจึงเป็นกิจกรรมติดสติ๊กเกอร์บริเวณป้ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และรั้วประตู ทส. โดยสติ๊กเกอร์มีข้อความเช่น ชาติพันธุ์ก็คือคน คุณกลับบ้านกี่ชั่วโมง คนบางกลอยไม่มีบ้านให้กลับ มรดกโลก มรดกเลือด เป็นต้น ด้านผู้แทนจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมเนื่องจากว่าวันนี้จะมีมติพิจารณาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกหรือไม่ ซึ่งจะมีการพิจารณากันในวันนี้ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ทำไมรัฐบาลต้องเร่งรัดในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานในครั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลไทยได้ยื่นไปตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำรัฐประหาร ขึ้นมาเป็นรัฐบาลในระบอบเผด็จการ หลังจากนั้นมีการปัดตกมาทุกครั้งทั้ง 3 ครั้ง เนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลกทั้งหมด 21 ประเทศมีมติไม่รับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติ เพราะรัฐบาลไทยยังไม่ได้แก้ไขปัญหาสิทธิชุมชนดั้งเดิม ปัญหาเหล่านี้เกิดมาตลอด 25 ปี ตั้งแต่ปี 2539 นับตั้งแต่อุทยานแห่งชาติพยายามร้องขอให้ชาวบ้านลงมาจากพื้นที่ทำกิน โดยบอกว่าถ้าอยู่ไม่สบาย จะกลับขึ้นไปเมื่อไรก็ได้ นี่คือคำสัญญาจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้บอกไว้ คือคุณสามารถ ม่วงไหมทอง “พื้นที่แห่งนี้มีกฎหมายทับซ้อนกันมากมาย พื้นที่นี้ไม่ได้ต่างอะไรกับอุทยานแห่งชาติ เพราะเป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการจัดการกับชาวบ้านได้ แม้ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการบัญญัติไว้ในกระดาษ แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยเกิดขึ้นจริง การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาก็ตั้งในนาม ไม่มีการประชุมหรือมีมติให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมสักที” วันนี้ 16.30 น. จะเป็นเวลาชี้ชะตาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะถูกเสนอชื่อรับรองเป็นมรดกโลกหรือไม่ ซึ่งจริงๆ เมื่อวานช่วงเช้าเว็บไซต์ของนูเยสโกได้เผยแพร่ร่างคำพิจารณาว่าจะมีมติให้กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นเป็นมรดกโลก โดยมีประเทศรัสเซีย จีน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย สเปน เอธิโอเปีย เซนต์คิตส์แอนด์เนวิส มาลี และไทย รับรองให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ นั่นหมายความว่านี่คือการล็อบบี้ครั้งยิ่งใหญ่ที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาล 9 ประเทศ เพื่อให้รัฐบาลไทยได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก