วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เวลา 17.30 น.พ.ต.ท.สมัย เจริญราฎ สารวัตรสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกยิงเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 199/50 หมู่บ้านพฤกษา 15 ถนนตำหรุ-คลองเก้า ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด ที่ห้องนอนชั้น 1ด้านหน้าได้พบศพ น.ส.กชพร คงเสมา อายุ 44 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าตามลำตัวหลายนัดนั่งจมกองเลือดเสียชีวิต ในสภาพนั่งอยู่กับพื้นหลังพิงอยู่ที่ปลายเตียงนอน จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรโรงพยาบาลสมุทรปราการร่วมตรวจสอบ พบว่าตามลำตัวผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนจำนวน 7 นัดเสียชีวิตคาที่ และที่พื้นบ้านมีรอยเลือดหยดเป็นทางมาตั้งแต่ประตูหลังบ้านจนเข้ามาถึงห้องนอนที่ผู้ตายนั่งเสียชีวิตอยู่ และจากการตรวจสอบที่บริเวณหลังบ้านที่บริเวณซุ้มนั่งเล่นได้พบร่างของนางสาว ชุติมณฑน์ เมตตา อายุ 46 ปี สาวทอมนอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ในสภาพมือขวายังกำอาวุธปืนขนาด .380 แบบแมกกาซียอยู่ที่มือขวา ตรวจสอบภายในรังเพลิงยังพบลูกกระสุนคาอยู่อีกจำนวน 1 นัด ที่บริเวณขมับข้างขวามีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันจำนวน 1 นัดกระสุนทะลุขมับซ้าย ในกระเป๋ากางเกงผู้ตายยังพบกระเป๋าใส่ลูกกระสุนปืนสีดำอยู่ภายในมีลูกกระสุนปืนอีกจำนวน 5 นัด และแมกกาซีนเปล่าอีก 1 แมกอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ที่หน้าบ้านได้พบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางสาว ชุติมณฑน์ ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้สีดำ ทะเบียน 4 กช 6339 กรุงเทพมหานคร มาจอดก่อนที่จะเดินเข้าก่อเหตุ
จากการสอบถาม น.ส.สุดารัตน์ อูปสาแก้ว อายุ 25 ปี หลานของผู้ตายได้เล่าว่า ผู้ตายทั้งสองคบหากันมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยที่ น.ส.กชพร น้าสาวตนเปิดร้านเสริมสวย ส่วนนางสาว ชุติมณฑน์ ผู้ก่อเหตุประกอบธุรกิจค้าส่งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านหลังนี้เดือนหนึ่งจะมาสักครั้งสองครั้ง มาระยะหลัง ๆ ผู้ตายทั้งสองมักจะมีปากเสียงกันอยู่ประจำเนื่องจากน้าสาวตนจับได้ว่า ผู้ก่อเหตุแอบไปมีหญิงอื่น จึงมีปากเสียงกันอยู่ประจำ และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ผู้ตายทั้งสองก็มีปากเสียงกันทางโทรศัพท์ จนกระทั่งช่วงเย็น น.ส.ชุติมณฑน์ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาน้าสาวของตนที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านและใช้อาวุธปืนยิงใส่น้าสาวตน 1 นัดซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าถูกที่ใด น้าสาวตนได้วิ่งหนีตายเข้าไปหลบในห้องนอนของยายที่อยู่ชั้นล่าง แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังตามเข้ามายิงซ้ำอีกหลายนัดทั้ง ๆ ที่ตนและผู้ตายยกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟังได้กระหน่ำยิงใส่ร่างของน้าสาวตนอีกหลายนัดจนเสียชีวิต ก่อนที่จะหันปากกระบอกปืนมาขู่ตน หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินออกไปที่หลังบ้านและมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูได้พบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่พื้นด้านหลังบ้าน จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.ได้กล่าว่า สำหรับปมการก่อเหตุในครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงห่วง เนื่องจาก น.ส.กชพร จะขอเลิกกับผู้ก่อเหตุเนื่องจากจับได้ว่า ผู้ก่อเหตุไปมีคนใหม่ แต่ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมเลิก จึงทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกัน กระทั่งในวันนี้ น.ส.ชุติมณฑน์ ได้ขับรถมาก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด ที่ห้องนอนชั้น 1ด้านหน้าได้พบศพ น.ส.กชพร คงเสมา อายุ 44 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าตามลำตัวหลายนัดนั่งจมกองเลือดเสียชีวิต ในสภาพนั่งอยู่กับพื้นหลังพิงอยู่ที่ปลายเตียงนอน จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรโรงพยาบาลสมุทรปราการร่วมตรวจสอบ พบว่าตามลำตัวผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนจำนวน 7 นัดเสียชีวิตคาที่ และที่พื้นบ้านมีรอยเลือดหยดเป็นทางมาตั้งแต่ประตูหลังบ้านจนเข้ามาถึงห้องนอนที่ผู้ตายนั่งเสียชีวิตอยู่ และจากการตรวจสอบที่บริเวณหลังบ้านที่บริเวณซุ้มนั่งเล่นได้พบร่างของนางสาว ชุติมณฑน์ เมตตา อายุ 46 ปี สาวทอมนอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ในสภาพมือขวายังกำอาวุธปืนขนาด .380 แบบแมกกาซียอยู่ที่มือขวา ตรวจสอบภายในรังเพลิงยังพบลูกกระสุนคาอยู่อีกจำนวน 1 นัด ที่บริเวณขมับข้างขวามีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันจำนวน 1 นัดกระสุนทะลุขมับซ้าย ในกระเป๋ากางเกงผู้ตายยังพบกระเป๋าใส่ลูกกระสุนปืนสีดำอยู่ภายในมีลูกกระสุนปืนอีกจำนวน 5 นัด และแมกกาซีนเปล่าอีก 1 แมกอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ที่หน้าบ้านได้พบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางสาว ชุติมณฑน์ ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้สีดำ ทะเบียน 4 กช 6339 กรุงเทพมหานคร มาจอดก่อนที่จะเดินเข้าก่อเหตุ
จากการสอบถาม น.ส.สุดารัตน์ อูปสาแก้ว อายุ 25 ปี หลานของผู้ตายได้เล่าว่า ผู้ตายทั้งสองคบหากันมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยที่ น.ส.กชพร น้าสาวตนเปิดร้านเสริมสวย ส่วนนางสาว ชุติมณฑน์ ผู้ก่อเหตุประกอบธุรกิจค้าส่งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านหลังนี้เดือนหนึ่งจะมาสักครั้งสองครั้ง มาระยะหลัง ๆ ผู้ตายทั้งสองมักจะมีปากเสียงกันอยู่ประจำเนื่องจากน้าสาวตนจับได้ว่า ผู้ก่อเหตุแอบไปมีหญิงอื่น จึงมีปากเสียงกันอยู่ประจำ และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ผู้ตายทั้งสองก็มีปากเสียงกันทางโทรศัพท์ จนกระทั่งช่วงเย็น น.ส.ชุติมณฑน์ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาน้าสาวของตนที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านและใช้อาวุธปืนยิงใส่น้าสาวตน 1 นัดซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าถูกที่ใด น้าสาวตนได้วิ่งหนีตายเข้าไปหลบในห้องนอนของยายที่อยู่ชั้นล่าง แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังตามเข้ามายิงซ้ำอีกหลายนัดทั้ง ๆ ที่ตนและผู้ตายยกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟังได้กระหน่ำยิงใส่ร่างของน้าสาวตนอีกหลายนัดจนเสียชีวิต ก่อนที่จะหันปากกระบอกปืนมาขู่ตน หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินออกไปที่หลังบ้านและมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูได้พบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่พื้นด้านหลังบ้าน จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.ได้กล่าว่า สำหรับปมการก่อเหตุในครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงห่วง เนื่องจาก น.ส.กชพร จะขอเลิกกับผู้ก่อเหตุเนื่องจากจับได้ว่า ผู้ก่อเหตุไปมีคนใหม่ แต่ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมเลิก จึงทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกัน กระทั่งในวันนี้ น.ส.ชุติมณฑน์ ได้ขับรถมาก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป