นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมิ.ย.64 ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 65.88% จากเดือน มิ.ย.63 มาที่ 83,022 คัน เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศของประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ยุโรป และเพิ่มขึ้น 4.46% จากเดือน พ.ค.64 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 49,278.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.54% จากเดือน มิ.ย.63ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.64) ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 473,489 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้น 35.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 270,708.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.01% ยอดส่งออกปีนี้น่าจะเกินเป้า 7.5 แสนคัน คาดว่าน่าจะเพิ่มเป็น 8-8.5 แสนคัน ความจริงน่าจะได้ถึง 9 แสนคัน แต่ติดปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนและชิปที่ใช้ในรถยนต์บางรุ่น ขณะที่การผลิตรถยนต์เดือน มิ.ย.64 มีทั้งสิ้น 134,245 คัน เพิ่มขึ้น 87.22% จากเดือน มิ.ย.63 ที่มีฐานต่ำเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่ลดลง 4.23% จากเดือน พ.ค.64 เพราะผลิตได้ไม่เต็มที่จากการขาดชิ้นส่วนในบางรุ่น ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 844,601 คัน เพิ่มขึ้น 39.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตปีนี้น่าจะเกินเป้า 1.5 ล้านคัน ไปอยู่ที่ 1.55-1.6 ล้านคัน เป้าที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีเป็นตัวเลขต่ำสุด โดยเผื่อปัญหาเรื่องขาดแคลนชิ้นส่วนและผลกระทบจากโควิด-19 ไว้แล้ว ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน มิ.ย.64 มีจำนวนทั้งสิ้น 61,758 คัน เพิ่มขึ้น 15.07% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานต่ำจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกสามที่รุนแรงมากขึ้น มีการจำกัดการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ และรถยนต์บางรุ่นผลิตไม่พอกับความต้องการเพราะขาดชิ้นส่วน แต่เพิ่มขึ้น 10.40% จากเดือน พ.ค.64 โดยยอดขายในประเทศในปีนี้ยังคงไว้ตามเดิม แต่คิดว่าน่าจะถึง 8.5 แสนคัน ขอรอดูช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายหรือไม่ มีการฉีดวัคซีนได้มากขึ้นหรือไม่ จึงจะพิจารณาปรับเป้าอีกที หากปัญหาเรื่องชิ้นส่วนและชิปคลี่คลายก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในช่วงปลายปี เพราะเรามีกำลังการผลิตได้ 2-3 ล้านคัน ก่อนหน้านี้ก็เคยผลิตได้ปีละ 2.4 ล้านคัน แต่ที่รู้มาปัญหาชิปจะยืดเยื้อถึงปีหน้า